UOBAM : สรุปประเด็น COP29 วาระสําคัญขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมโลก ปี 2025


 
 

การประชุม Conference of the Parties หรือที่รู้จักกันในชื่อ COP

เป็นวาระสําคัญระดับโลกที่จัดขึ้นทุกปี ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC: United Nations Framework Convention on Climate Change) โดยมีเป้าหมายคือ การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ปัจจุบันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมโลกในวงกว้าง (ทีม่า: LSE as of 28/11/2023)

จุดเริ่มต้นของ COP เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1995 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และจัดประชุมต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละครั้งก็จะ มีประเด็นหลักที่ให้ความสําคัญแตกต่างกันไป เช่น COP21 ปี 2015 ที่มีการลงนามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งประเทศสมาชิก ให้คํามั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ COP26 ปี 2021 ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือ การบรรลุ Net Zero Emissions เป็นต้น (ทีม่า: United Nations Climate Change)

COP29 กับเป้าหมาย Climate Finance การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาfí

สําหรับประชุมครั้งล่าสุด COP29 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ณ ประเทศอาเซอร์ไบจาน มีสมาชิก UNFCCC เข้าร่วมกว่า 200 ประเทศ บทสรุปของการประชุมครั้งนี้ คือ การให้ความสําคัญกับ Climate Finance หรือ “การเงินเพื่อการ เปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ” ผ่านการจัดสรรทรัพยากร และเครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา Climate Change โดยมีข้อตกลงสําคัญ ดังนี้

1. เพิ่มเงินทุนสนับสนุนกลุ่มประเทfíกําลังพัฒนา 3 เท่า เพื่อรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาfí
กําหนดให้กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จัดสรรเงินทุนช่วยเหลือกลุ่มประเทศกําลังพัฒนาภายในปี 2035 เพิ่มขึ้นจํานวน 300,000 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากเป้าหมายเดิมที่ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อสนับสนุนประเทศกําลังพัฒนาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมสร้างความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ แหล่งที่มาของเงินทุนสนับสนุนมาจากทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงแหล่งเงินองค์กรพหุภาคี ซึ่งประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วจะเป็นผู้นําในการระดมทุนนี้โดยสมัครใจ (ทีม่า: Carnegie Endowment for International Peace ณ วนัที่ 28 มกราคม 2025)

2. ตั้งเป้าหมายการระดมทุนรวม 1,300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2035
ด้วยการระดมทุนผ่านช่องทางการเงินสาธารณะและการลงทุนจากภาคเอกชน ซึ่งจะนําไปสู่ความสามารถที่จะช่วยปลดล็อกทางการเงิน เพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศกําลังพัฒนาได้มีต้นทุนในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงาน สะอาดได้อย่างยั่งยืน

3. การส่งเสริมให้เข้าถึงกองทุนเพื่อความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage Fund)
กองทุนนี้ถูกเสนอขึ้นระหว่างการประชุม COP27 ในปี 2022 ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ (UNFCCC) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินสนับสนุนประเทศกําลังพัฒนา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ ประเทศกําลังพัฒนาที่ได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายของประเทศกําลังพัฒนาในการเปลี่ยนผ่าน ไปสู่สังคมคาร์บอนตํ่าที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งจากประเทศพัฒนาแล้วที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณสูง ทีม่า: United Nations Climate Change ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024)

 
 

ไทยชู 5 ประเด็นสําคัญ ด้านสภาพภูมิอากาfíใน COP29

ส่วนการขับเคลื่อนในประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอ 5 ประเด็นสําคัญ ประกอบด้วย

1. การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย เพื่อบรรลุการมีส่วนร่วมซึ่งแต่ละประเทศสมาชิกกําหนดร่วมกัน (Nationally Determined Contributions: NDCs) ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2030 โดยคาดว่าประเทศไทยจะลดก๊าซเรือน กระจกได้ 43% จากเป้าหมาย 30-40% หรือคิดเป็น 222 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2eq) จากระดับการปล่อยก๊าซเรือน กระจกในสถานการณ์ปกติ (Business as Usual: BAU) ในปี 2005

2. การขับเคลื่อนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนําประเด็นการปรับตัวต่อการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาปรับใช้ให้เข้ากับแผนและยุทธศาสตร์ในรายสาขาและในพื้นที่ รวมถึงการจัดทําข้อมูลด้านภูมิอากาศและข้อมูล ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับประเทศ

3. การเร่งผลักดัน “พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ” ซึ่งเป็นเครื่องมือสําคัญสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น ศูนย์ (Net Zero) โดยคาดว่าจะบังคับใช้ในปี 2026

4. นําเสนอตัวอย่างการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้เป็นรูปธรรม จากการประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 3 (Thailand Climate Action Conference: TCAC 2024) ซึ่งเป็นเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนใน ประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เช่น การใช้ เทคโนโลยีเพื่อวิถี Low-Carbon, การปลดล็อกการเงินที่ยั่งยืน และการใช้ ESG เพื่อความยั่งยืนของชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

5. การจัดส่งรายงานความโปร่งใสราย 2 ปี หรือ Thailand’s First Biennial Transparency Report ซึ่งประเทศไทยกําหนดให้ สามารถจัดส่งได้ภายในเดือนธันวาคม 2024 ตามกําหนดเวลา เพื่อสื่อสารสิ่งที่ได้ดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประชาคม โลก และเป็นเครื่องมือในการขอรับการสนับสนุนเทคโนโลยี องค์ความรู้ การเสริมสร้างศักยภาพแหล่งเงินทุนต่างประเทศในการขับเคลื่อนให้ เป็นไปตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (ที่มา: Royal Thai Government, sdgmove ณ วนัที่ 19 พฤศจิกายน 2024)

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเป้าหมายของ COP29 ให้ความสําคัญกับ Climate Finance ครอบคลุมถึงการให้การสนับสนุนทางการเงินด้านการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการระดมทุนในรูปแบบต่างๆ ผ่านตราสารทางการเงินอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ

บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ได้นำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ตราสารหนี้ไทย ซัสเทนเนเบิล (UTSB-THAIESG) ระดับความเสี่ยง 3-เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทยในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน และเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ หรือต้องการกระจายลงทุน เพื่อลดความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ยังได้รับรางวัล Best ESG Engagement Intitative (Thailand), Asia Asset Management Best of the Best Awards 2025 ซึ่งตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ESG อีกด้วย

ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผล การดําเนินงานในอนาคต

 
 

บทความโดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จํากัด
ติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างยั่งยืนได้ที่ https://www.uobam.co.th/th/Sustainability สอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จํากัด โทร. 0-2786-2222 หรืออีเมล thuobamwealthservice@UOBgroup.com

คําเตือน
• ผู้ลงทุนควรทําความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
• การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงินและไม่สามารถรับรองผลตอบแทนได้
• ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงาน ในอนาคต
• ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุน Thai ESG ด้วย กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ทางภาษี ผู้ลงทุนจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุนรวม
• ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดข้อมูลต่างๆ ในหนังสือชี้ชวนของ SRI Fund ก่อนการลงทุน เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลต่างๆ ก่อนการลงทุน อาทิ นโยบายการลงทุน หลักทรัพย์ที่กองทุนนั้นได้ไปลงทุน ผลการดําเนินงานที่ผ่านมา ตลอดจนค่าธรรมเนียม รวมถึงสามารถสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้แนะนําการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน ก.ล.ต. ก่อนการซื้อขาย ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบ รายชื่อของกองทุน SRI Fund ได้ที่เว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. ทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน

ฉบับที่ 3/2568 เดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568