BVG ตั้งเป้ารายได้ปี’68 โต 2 หลัก เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าใหม่เข้าตลอดปี

HoonSmart.com>>บลูเวนเจอร์ มั่นใจรายได้ปี’68 เติบโต 2 หลัก ลูกค้ารายใหม่เข้าต่อเนื่อง หลัง Q1 บวก 18% จากงานบริการมาตรฐานบัญชีใหม่ Q2 งานระบบเคลมสุขภาพเข้าต่อเนื่องถึง Q3 สัญญาใหญ่มาอีก ดึงเอไอเสริมแกร่งฐานะ หั่นต้นทุน คาดอีก 2 ปีข้างหน้าลดได้ 5%-10%

นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป(BVG) เปิดเผยว่า ปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยไตรมาสแรกรายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการระบบเคลมประกันรถยนต์ สุขภาพ และรายได้จากบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น 18% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9% ส่วนไตรมาส 2 แม้รายได้งานบริการให้คำปรึกษาและอิมพลีเม้นท์มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS17) จะลดลง เพราะมีการส่งมอบงานจำนวนมากในไตรมาสแรกไปแล้ว

รวมถึง งานด้านการให้บริการระบบเคลมประกันภัยรถยนต์ และระบบเคลมประกันสุขภาพ จะลดลงเนื่องจากเป็นวันหยุดยาว คนไม่ใช้รถและเข้าโรงพยาบาลลดลง แต่จะมีรายได้จากลูกค้ารายใหม่ที่มีการเซ็นต์สัญญาช่วงปลายปีด้านการใช้ระบบเคลมสินไหมสุขภาพ(TPA) เข้ามาเสริม น่าจะยังรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสแรก

ในไตรมาส 3 บริษัทจะเปิดการให้บริการระบบเคลมด้านสุขภาพกับลูกค้ารายใหญ่ที่ใช้บริการกับทางโรงพยาบาลรัฐบาล โดยเฟสแรกระดับหลัก 100 แห่ง จะทำให้มีรายได้ใหม่เข้ามาเพิ่ม

นางนวรัตน์ กล่าวว่า บริษัทมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เข้ามาช่วยทำงานเคลมประกันภัยรถยนต์ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ซึ่งเป็นท็อปอัพ ที่สามารถดึงดูดให้บริษัทประกันภัยหันมาใช้ระบบเคลมของบริษัทมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทลูกที่ให้บริการระบบเคลม มีการจัดการเคลมปีละ 4.3 ล้านเคลม คิดเป็น 52 % ในอนาคตมีแผนที่จะขยายสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก โดยจากการประเมินแล้วน่าจะสามารถไปถึง 70% ของตลาดได้ เพราะอีก 30% บริษัทประกันภัยสามารถจัดการเคลมเองได้

นอกจากนี้ เอไอ ยังช่วยลดต้นทุนในการให้บริการระบบเคลมประกันภัยรถยนต์ลงได้ด้วย คาดว่าในปี 2570 จะช่วยให้ต้นทุนลดลงได้ 5%-10% จากปัจจุบันต้นทุนและค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 85%

ด้านการขยายธุรกิจในต่างประเทศ การร่วมทุนกับบริษัทคัมโบเดียรีอินชัวรันซ์ ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่ใช้บริการระบบเคลมประกันสุขภาพกับบริษัทแล้ว ครอบคลุม 126 โรงพยาบาล เริ่มรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นแล้วตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ยังขาดทุนเพราะเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ คาดว่าน่าจะเริ่มมีกำไรได้ในช่วงปลายปี 2569 หรือต้นปี 2570

บริษัท ยังมีแผนที่เปิดให้บริการการจับคู่อู่ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อไปเสริมสภาพคล่องในช่วงรอเก็บเงินตามรอบบิล 7 วัน-30 วัน กับธนาคาร ที่ต้องการปล่อยกู้ โดยการมีใบเรียกเก็บหนี้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยบริษัทจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียม ซึ่งปัจจุบันเงินหมุนเวียนการซ่อมรถในธุรกิจอู่ที่มีอยู่ประมาณ 2,500 ราย เป็นมูลค่า 9,680 ล้านบาทต่อปี