‘โกลด์แมน แซคส์’ลดเป้า SETเหลือ 1,180 บล.ทิสโก้-ฟิลลิป หั่นเป้ากำไรบจ.

HoonSmart.com>>โกลด์แมน แซคส์ ยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกาหั่นเป้าดัชนี SET เหลือ 1,180 จุดจาก 1,250 จุด ลดน้ำหนักลงทุนเป็น Underweight พร้อมอินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย-ฮ่องกง สวนทางเพิ่ม 5 ตลาดหุ้น จีน-ญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์-เกาหลีใต้-ไต้หวัน  ด้านบล.ทิสโก้วิเคราะห์ 7 ธนาคารเสี่ยงเพิ่มขึ้น ลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 9% แนะซื้อเพียง KTB-TTB ส่วนแบงก์อื่นให้ถือ ปันผลน่าสนใจ บล.ฟิลลิปลดเป้ากำไรหลายกลุ่ม อสังหาฯเฉลี่ยเฉียด 10% ไฟแนนซ์ ยก SINGER โดนหนัก  44%

วันนี้ (9 มิ.ย. 2568) โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ธนาคารเพื่อการลงทุนใหญ่สัญชาติสหรัฐอเมริกา ได้ปรับลดคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ลงจากระดับ 1,250 จุด เหลือ 1,180 จุด พร้อมปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยลงเป็นต่ำกว่าตลาด  “Underweight”  สะท้อนมุมมองระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศ

นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นอินโดนีเซีย , ออสเตรเลีย และ ฮ่องกง

ขณะเดียวกันมีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ตลาดหุ้นจีน , ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน

ด้านบล.ทิสโก้มองความเสี่ยงด้าน downside ที่เพิ่มขึ้นของธนาคารพาณิชย์ 7 แห่งที่วิเคราะห์ จึงปรับลดการคาดการณ์กำไรของปี 2568 ลง 9% คำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงในครึ่งปีหลัง และผลประกอบการในไตรมาสแรกที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ มูลค่าที่เหมาะสมได้รับการปรับลงตามสัดส่วน แต่ยังคงคำแนะนำธนาคารทุกแห่งไว้เหมือนเดิม คือ”ถือ” ยกเว้น KTB และ TTB เชียร์ซื้อ มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 26 บาทและ 2.20 บาท ตามลำดับ

สาเหตุที่ยังคงแนะนำซื้อหุ้น KTB เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งพร้อมอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี และ TTB มีความเสี่ยง
ด้านลบต่อกำไรน้อยกว่าเนื่องจาก tax shield  ส่วนธนาคารแห่งอื่นยังคงให้ NEUTRAL เนื่องจากเงินปันผลที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถช่วย
รองรับการลดลงของราคาหุุ้นได้

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากมุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่ค่อยดี ทำให้ฝ่ายวิจัยได้ทยอยปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงหลายกลุ่ม  เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับประมาณการกำไรลงเฉลี่ยเกือบ 10% SC ปรับลดลงไป 23% กลุ่มพลังงานต้นน้ำปรับลดประมาณกำไรลงในระดับ 2 หลัก ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันด้วย กลุ่มค้าปลีก  โดยบริษัทที่ทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง อย่างหุ้น DOHOME ปรับลดประมาณกำไรลงมาก ซึ่งราคาพื้นฐาน หายไปครึ่งหนึ่ง  กลุ่มอาหารสัตว์ก็ถูกปรับลดประมาณการกำไร

นอกจากนี้ กลุ่มธนาคาร เน้นขนาดเล็ก 4-10% อย่าง KKP, TTB ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์  หุ้น SINGER ถูกปรับลดประมาณการกำไรลงไปถึง 44% SAWAD หายไป 4% และ AMANA กลุ่มขนส่งทั้งกลุ่ม กลุ่มมีเดียก็โดนด้วย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม  SAPPE ปรับลดประมาณการกำไรลงไป 23-24% ทั้งนี้เป็นผลจากเศรษฐกิจปี 2568 ที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ไม่ดีนัก

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า  เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดจะเติบโตแค่ 1.4% บนสมมติฐานที่อาจเจอสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีที่ 15% ดังนั้นกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2568 ถูกปรับลดลงมาเหลือ 86 บาท ซึ่ง Discount ราว 5% จากตลาดโดยรวมที่ขณะนี้คาด EPS ที่ 91 บาท ลดลงจากเมื่อต้นปีที่คาด EPS ที่ 95 บาท

อย่างไรก็ดี หากไทยโดนภาษีสหรัฐฯแค่ 10% คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 1.7% ทั้งนี้ยังต้องจับตาว่าการเจรจาการค้าสหรัฐ-ไทยจะประสบความสำเร็จได้มาก/น้อยแค่ไหนด้วย แต่ทางฝ่ายวิจัยได้ทำการปรับลดประมาณกำไรหุ้นในกลุ่มส่งออก และกลุ่มธนาคาร ไปตามภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแล้ว ซึ่งมาตรการภาษีสหรัฐฯเป็นปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจ และการบริโภค

ด้านตลาดหุ้นวันที่  9 มิ.ย.2568 ดัชนีหุ้นแกว่งตัวแคบๆ ปิดที่ 1,135.24 จุด  -1.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 24,061.72 ล้านบาท แม้ได้หุ้น DELTA มาช่วยมากก็ตาม ราคาปิดที่  99.50  บาท เพิ่มขึ้น 4 บาทหรือ 4.19%  โดยนักลงทุนสถาบันไทยขาย -555.50 ล้านบาท ต่างชาติขายด้วย -203.14 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อ 473.27 ล้านบาท และ พอร์ตบล.ซื้อ 285.38  ล้านบาท