ราคาน้ำมันดิบร่วง หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่ง

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งขึ้นติดต่อกันนาน 10 สัปดาห์ WTI ลบ 1.27 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เบรนท์ ร่วง 1.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 23 พ.ย. 61 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 769,000 บาร์เรล และนับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 10 สัปดาห์ ไปอยู่ที่ระดับ 450 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในปีนี้ นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมาปรับเพิ่มขึ้น 1.2ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลง 857,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 764,000 บาร์เรล สวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 640,000 บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วง 1.27 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือ 2.5% ปิดที่ 50.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือ 2.4% ปิดที่ 58.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

“นักลงทุนยังคงกังวลถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียระบุว่าซาอุดิอาระเบียจะไม่ดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตแต่เพียงฝ่ายเดียว เนื่องจากไนจีเรียแสดงความคิดเห็นว่าช่วงเวลานี้ยังคงเร็วไปที่จะตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต”บริษัท ไทยออยล์ ระบุ

อย่างไรก็ตามตลาดคาดการณ์ว่าการตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกจะมีข้อสรุปในการประชุมของกลุ่มโอเปกในวันที่ 6ธ.ค. นี้ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย