HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 35 จุด ท่ามกลางความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นในการค้าโลก จากคำขู่ล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก-อลูมิเนียมสองเท่าเป็น 50% สัญญาณความขัดแย้งกับจีนกลับมาคุกรุ่น ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 3% WTI ปิดที่ 62.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 2 มิถุนายน 2568 ปิดที่ 42,305.48 จุด เพิ่มขึ้น 35.41 จุด หรือ +0.08% ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในการค้าโลก จากคำขู่ล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมสองเท่าเป็น 50% และสัญญาณว่าการเจรจาระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังถดถอย
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,935.94 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด, +0.41%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,242.61 จุด เพิ่มขึ้น 128.85 จุด, +0.67%
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นหลังจากทรัมป์กล่าวว่าเขาจะขึ้นภาษีเหล็กสองเท่าเป็น 50% สหภาพยุโรปเตือนว่าการกระทำดังกล่าวจะทำลายการเจรจา โดยโฆษกEUกล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลกและเพิ่มต้นทุนให้กับผู้บริโภคและธุรกิจทั้งสองฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนที่ CFRA Research เชื่อว่านโยบายการค้ากลับไปกลับมาหลายเดือน แต่ครั้งนี้ทรัมป์น่าจะเอาจริง และการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม 50% ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การเมืองของบริษัทเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามทำคือการผลักดันกำลังการผลิตเหล็กและอลูมิเนียมใหม่ภายในสหรัฐฯ แทนที่จะพยายามใช้เรื่องนี้เป็นกลยุทธ์ในการเจรจา
หุ้นเหล็กพุ่งสูงขึ้นจากการปรับขึ้นภาษี โดยหุ้น Cleveland-Cliffs พุ่งขึ้น 23% ขณะที่หุ้น Steel Dynamicsและ Nucor ต่างก็พุ่งขึ้น 10%แต่หุ้นผู้ผลิตรถยนต์กลับร่วงลง โดย Ford ปิดตัวลงเกือบ 4% และ General Motors ก็ร่วงลงในเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกัน
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯกลับมาคุกรุ่น จากการที่จีนตอบโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่าจีนละเมิดข้อตกลงการค้าชั่วคราว และกล่าวโทษสหรัฐฯที่ไม่สามารถรักษาข้อตกลงไว้ได้
กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์โต้คำกล่าวหาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ว่าจีนไม่ปฏิบัติตามฉันทามติที่บรรลุในเจนีวาเมื่อเดือนที่แล้ว จีนระบุว่าสหรัฐฯ ได้ออกข้อจำกัดเลือกปฏิบัติใหม่อย่างไม่เป็นยุติธรรม รวมทั้งแนวปฏิบัติใหม่เกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกชิป AI การควบคุมการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปไปยังจีน และการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีน
ความขัดแย้งดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกล่าวกับ Eamon Javers ของ CNBC เมื่อวันจันทร์ว่าประธานาธิบดีโด
นัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนมีแนวโน้มที่จะพูดคุยกันในสัปดาห์นี้
นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคมที่จะออกในวันศุกร์ ซึ่งจะให้สัญญานใหม่ๆ เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าและการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานเมื่อวานนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคมจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงหดตัว โดยลดลงสู่มา 48.5 จาก 48.7 ในเดือนเมษายน ต่ำกว่า 49.5 ที่นักวิเคราะห์คาด
S&P Global รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพฤษภาคม ลดลงมาที่ 52.0 จากตัวเลขขั้นต้นที่ 52.3 แต่ยังสูงกว่า 50.2 ในเดือนเมษายน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากแผนภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งคุกคามที่จะจุดชนวนความตึงเครียดด้านการค้าโลกระลอกใหม่ เมื่อช่วงดึกของวันศุกร์ ทรัมป์กล่าวว่าเขามีแผนที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% ซึ่งสหภาพยุโรปกล่าวว่าพร้อมที่จะตอบโต้
บริษัทเหล็ก ทั้ง ArcelorMittal และ Aperam ฟื้นตัวจากที่รวงแรงและปิดตลาดลดลงเล็กน้อย
กลุ่มยานยนต์ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากความวิตกกังวลด้านการค้า โดยลดลง 2.1%
หุ้น Stellantis ซึ่งจดทะเบียนในมิลาน ลดลง 5% หุ้น Mercedes-Benz หุ้น BMW และ หุ้น Volkswagen ลดลงระหว่าง 1.9%- 2.7%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่พึ่งพาการส่งออกทั่วโลกก็ลดลง 0.8%
ในอังกฤษหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศปรับขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ประกาศว่า รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเป็น 2.5% ของ GDP เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2527
หุ้น Babcock International เพิ่มขึ้น 8.2% หุ้น QinetiQ Group บวก 4.5%
สัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป( ECB) ในวันพฤหัสบดี
โดยเทรดเดอรในตลาดเงินมองว่ามีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และรอข้อมูลเชิงลึกจากคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 547.92 จุด ลดลง 0.75 จุด, -0.14%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,774.26 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด, +0.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,737.20 จุด ลดลง 14.69 จุด, -0.19%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,930.67 จุด ลดลง 66.81 จุด, -0.28%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์ หรือ 2.85% ปิดที่ 62.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.85 ดอลลาร์ หรือ 2.95% ปิดที่ 64.63ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

