4 โบรกฯ ฟันธงหุ้นไทยมิ.ย. …หวั่น DELTA ถูกเทก่อนใช้เกณฑ์ใหม่

HoonSmart.com>> 4 โบรกเกอร์เห็นพ้องหุ้นไทยเดือนมิ.ย.ผันผวน เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ-นโยบายภาษีของสหรัฐฯ-เล็ง DELTA ถูกเทก่อนใช้เกณฑ์ใหม่น้ำหนัก 10% เริ่มก.ค. ท่ามกลางจับตาการประชุมหลายธนาคารกลาง ทั้งเฟด, ECB, BoE, BOJ โดยกรอบแกว่งเดือนนี้ 1,250-1,100 จุด พร้อมมองหุ้นเด่นมิ.ย. ได้แก่ MTC, PR9, TOP, PTTGC, IVL, PTT

ดัชนี SET (30 พ.ค.) ปิด 1,149.18 จุด ลดลง 48.08 จุด หรือ -4.02% จากสิ้นเดือนเมย. ที่ปิด 1,197.26 จุด

มูลค่าซื้อขายสะสมตามกลุ่มนักลงทุน นับตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 พ.ค. 2568  ต่างประเทศขายสุทธิ 70,738.88 ล้านบาท , สถาบันขายสุทธิ 5,100.67 ล้านบาท , พอร์ตหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 11,403.15 บาท  และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 87,242.69 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า หุ้นไทยเดือนมิ.ย.มีโอกาสผันผวน  การลงทุนเป็นลักษณะเทรดดิ้งในกรอบเพื่อรอการปลดล็อกจากสงครามการค้า ซึ่งจะได้อะไรบ้างจากหลายประเทศ ที่ได้มีการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯไปแล้ว

ส่วนเศรษฐกิจในประเทศไม่ค่อยดี เพราะเป็นช่วง Low Season รวมไปถึงหุ้น DELTA เข้าข่ายที่จะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ที่จำกัดน้ำหนักของหลักทรัพย์ในดัชนี SET50, SET100, SET50FF และ SET100FF ไม่เกิน 10% ของมูลค่าตลาดของดัชนี ดังนั้นหุ้น DELTA อาจโดนสถาบันขายหุ้นออกมาบ้าง ซึ่งคงจะมีการปรับน้ำหนักในเดือนมิ.ย.ให้ไม่เกิน 10% ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค. โดยล่าสุด DELTA มีน้ำหนักอยู่ประมาณ 11%

นอกจากนี้เดือนมิ.ย.จะมีการประชุมหลายธนาคารกลาง ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเฉพาะการประชุมเฟด ให้จับตาถ้อยแถลงประธานเฟด โดยเชื่อว่าหลายธนาคารกลาง ต่างรอความชัดเจนจากนโยบายภาษีของ”ทรัมป์”ก่อนที่จะมี Action อะไรออกมา ดังนั้นเดือนมิ.ย.จึงเป็นเดือนแห่งการอผลนโยบายการค้า รวมถึงไทยก็ควรจะได้มีการเจรจาการค้ากับสหรัฐบ้างแล้ว

สำหรับหลักทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในเดือนมิ.ย.มองเป็นหุ้นที่ปรับตัวลงไปมากแล้ว, หุ้นที่ Sensitive กับดอกเบี้ย ซึ่งแนวโน้มดออกเบี้ยย่อลง อย่างหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และราคาลงลึกแล้ว, หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลก็น่าสนใจหลังราคาลงลึกแล้ว และคาดว่าผลงานไตรมาส 2 จะดีขึ้นเมื่อเทียบ QoQ จากคนเป็นไข้หวัดมากขึ้น และคนติดเชื้อโควิดมากขึ้นด้วย ดังนั้นหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลอาจเป็นที่พักเงินในช่วงรอปลดล็อกสงครามการค้า ส่วนกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเคมี ก็มีลุ้นฟื้นตัวต่อ เล่นในธีม China Play ผลกระทบจากภาษีของทั่วโลกไม่น่าแย่มากเกินไป

พร้อมแนะนำหุ้น MTC ราคาเป้าหมาย 50 บาท คุณภาพสินทรัพย์ดี กำไรดี ผลงานไตรมาส 2 เป็นบวกต่อทั้ง QoQ, YoY , หุ้น PR9 ราคาเป้าหมาย 28 บาท กำไรปี 2568 แข็งแกร่ง, หุ้น TOP ราคาเป้าหมาย 34 บาท ผ่าน Bottom ไปแล้ว ราคาหุ้นต่ำ ในไตรมาส 3 คาดว่าจะเดินหน้าโครงการ CFP ได้, PTTGC ราคาเป้าหมาย 23 บาท ขาดทุนน้อยลงเรื่อย ๆ จากตัดขายธุรกิจต่างประเทศไปเรื่อย ๆ ดังนั้นงบจะค่อย ๆ ดีขึ้น

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เดือนมิ.ย.หุ้นไทยจะผันผวน โดยปรับตัวลงในช่วงต้นเดือนก่อนขยับขึ้นในช่วงปลายเดือน เนื่องจาก ต้นเดือนมีหลายปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะนโยบายภาษีของสหรัฐที่มีความไม่แน่นอน ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสปรับตัวลงได้ ส่วนปลายเดือนอาจผ่อนคลายจากคาดเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยให้ติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 มิ.ย. และการประชุมกนง. 25 มิ.ย. ซึ่งคาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้เดือนมิ.ย.ดัชนีฯ จะไม่หลุด 1,100 จุด หลังปรับตัวลงไปมากแล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,140-1,120 จุด ส่วนแนวต้าน 1,175-1,190 จุด

หุ้น Top pick เดือนมิ.ย.มองที่กำไรไตรมาส 2/2568 จะออกมาดี แนะนำหุ้น IVL ราคาเป้าหมาย 45 บาท คาดไตรมาส 2 กำไรพีคของปี และหุ้น PTT ราคาเป้าหมาย 37 บาท เป็นหุ้นปันผลดี คาดปี 2568 จะให้ปันผล 2.10 บาท คิดเป็น Dividend yield ราว 7% ส่วนหุ้นกลุ่ม Domestic Play ยังไม่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศกดดันอยู่

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ กล่าวว่า ต้นเดือนมิ.ย.ตลาดฯน่าจะรีบาวด์ได้ หลังเสร็จสิ้นการปรับน้ำหนักของ MSCI ส่วนระหว่างทางให้ติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นชั้น 14 รพ.ตำรวจ, การฮั้วสว. เป็นต้น และในช่วงปลายเดือนให้ระวังการลดน้ำหนักของหุ้น DELTA เนื่องจาก ตลาดหลักทรัพย์จะใช้เกณฑ์ใหม่ให้น้ำหนักหุ้นใน SET50, SET100 ไม่เกิน 10% ปัจจุบัน DELTA ยังเกินอยู่ตัวเดียว

นอกจากนี้ ให้จับตาเม็ดเงินของกองทุน TESGX จะเข้ามา ซึ่งก็คาดหวังกันไว้มาก แต่สุดท้ายอาจไม่มากอย่างที่หวังไว้ พร้อมกันนี้ให้ติดตามการประชุมกนง.ในวันที่ 25 มิ.ย.ด้วย ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ ในเดือนมิ.ย.มองเป้าหมายดัชนีฯดีสุดไว้ที่ 1,210 จุด ส่วนกรณีแย่สุด 1,130 จุด โดยมองหุ้นในกลุ่ม Global Play ได้เปรียบ แนะนำหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี, น้ำมัน และแพคเกจจิ้ง

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี กล่าวว่า หุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย. แต่ในช่วงปลายเดือนอาจผันผวนไปตามสถานการณ์การเจรจาการค้าสหรัฐฯ ซึ่งสุดท้ายต้องดูว่าไทยจะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯได้เมื่อไร

ส่วนการประชุมเฟดเดือนมิ.ย.นี้ คาด “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน เว้นแต่เงินเฟ้อจะคลายตัวไปมาก และให้จับตามุมมองเฟดจะเป็นอย่างไร ซึ่งภาพตอนนี้มองเป็น Dovish (ผ่อนคลาย) พร้อมมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวในเดือนมิ.ย. มีแนวรับ 1,130-1,120 จุด แนวต้าน 1,230-1,250 จุด