CPALL กำไร 6,319 ลบ. โต 53% Q1/67 รายได้กระฉูด เติบโตทุกธุรกิจ

HoonSmart.com>> “ซีพี ออลล์” (CPALL) โชว์กำไรไตรมาส 1/67 พุ่งแตะ 6,319 ล้านบาท เติบโต 53.3% กวาดรายได้ 2.41 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% เติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ เดินหน้าเปิด 700 สาขาในปีนี้ พร้อมเปิดสาขาในกัมพูชาและลาว วางงบลงทุนทั้งปี 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท

บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 6,319.40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.69 บาท เพิ่มขึ้น 53.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,122.78 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.45 บาท

ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯมีรายได้รวม 241,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 8.5% สาเหตุมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัว ซึ่งขับเคลื่อนโดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปีที่สร้างบรรยากาศที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

บริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 46,541ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม และให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ถึงแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นของค่าใช้จ่ายบางประเภท บริษัทฯยังคงขยายสาขาร้าน 7-Eleven ตามแผน และมีการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการสำหรับลูกค้า

บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 12,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินลดลงจากการออกหุ้นกู้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมก่อนกำหนดเมื่อปีก่อนของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงในการบริหารค่าใช้จ่ายทางการเงิน

ในปี 2567 นี้ บริษัทฯวางแผนพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวและทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2567 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ในปี 2567 อีกด้วย

บริษัทฯ คาดการณ์อัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นและผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค

สำหรับงบลงทุนในปี 2567 นี้ คาดใช้ประมาณ 12,000 –13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 – 4,000 ล้านบาท ปรับปรุงร้านเดิม 2,900 – 3,500 ล้านบาทและโครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 – 4,100 ล้านบาท ใช้ลงทุนสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400 ล้านบาท

ในไตรมาส 1 ปี 2567 สัดส่วนของรายได้จากการขาย 75.2% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 24.8% มาจากสินค้าอุปโภค ซึ่งสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มสินค้าอุปโภคนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2566 โดยบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ 1 ในใจลูกค้าเมื่อนึกถึงอาหารและเครื่องดื่ม ตามสโลแกน ‘หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา’ และ ‘หิวเมื่อไหร่ก็สั่งเลย’ ส าหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกที่และทุกเวลา