IVL กำไร 1,133 ลบ. เพิ่มขึ้น 11% คาด Q2/67 ยอดขายดีรับกลุ่มเครื่องดื่มโต

HoonSmart.com>> “อินโดรามา เวนเจอร์ส” (IVL) โชว์กำไรไตรมาส 1/67 จำนวน 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดปีก่อน ยอดขายเติบโต 2% ด้านต้นทุนด้านสาธารณูปโภคลดลง คาดยอดขายไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้นรับฤดูร้อน ความต้องการใช้พลังงานน้ำมันและสินค้าเครื่องดื่มแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก

จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนด้านสาธารณูปโภคลดลง หนุนอัตราการทำกำไรดีขึ้น มองแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามดีมานด์การใช้น้ำมันและการบริโภคกลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นทั่วโลก
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,132.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,023.40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15 บาท

บริษัทฯ มียอดขายจำนวน 3.55 ล้านตัน เติบโต 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) และเติบโต 2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 (YoY) และมีรายได้เติบโต 6% QoQ แต่ลดลง-5%YoY กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (ปรับปรุง) (Adjusted EBITDA) อยู่ที่ 366 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 32% QoQ แต่ลดลง -2% YoY และในไตรมาส 1 ปี2567 มี EBITDA คิดเป็น 367 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แนวโน้มบรรยากาศธุรกิจของบริษัทฯ ที่เป็นไปในเชิงบวก เนื่องจากปริมาณขายเริ่มมีเสถียรภาพ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการผ่อนคลายของสภาวะการณ์เร่งระบายสินค้าคงคลัง (Destocking) นอกจากนี้ต้นทุนด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ลดลงในภูมิภาคตะวันตก ส่งผลต่ออัตรากำไรต่อหน่วยของบริษัทฯ ให้ปรับตัวดีขึ้น ส่วนเหตุการณ์วิกฤตทะเลแดงทำให้ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้นในตลาด EMEA และ อเมริกาใต้ จึงเป็นผลดีต่ออัตรากำไรของบริษัทฯ และองค์ประกอบเศรษฐกิจของแก๊สธรรมชาติ shale ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ Integrated EO/EG และ MTBE

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่สูง ทำให้อุปสงค์ในตลาดยังชะลอตัว และยังคงกดดันส่วนต่างกำไรราคามาตรฐาน หรือ Benchmark spreads ของปิโตรเคมี ส่งผลกระทบต่อกำไรในห่วงโซ่มูลค่า Polyester ทั้งในธุรกิจ IPET และ Fiber

สำหรับแนวโน้มธุรกิจ บริษัทฯ ยังมองเห็นแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี2567 ปริมาณยอดขายยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงฤดูร้อนที่กำลังใกล้เข้ามา พร้อมกับความต้องการในการใช้พลังงานน้ำมันที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมธุรกิจ MTBE และเป็นช่วงที่การบริโภคกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก สำหรับคาดการณ์ Benchmarkspreads ของอุตสาหกรรม อาจจะยังคงไม่สดใสนัก เนื่องจากกำลังการผลิตส่วนเกินยังคงมีอยู่โดยเฉพาะในกลุ่ม integratedPET ในส่วนอัตรากำไรสำหรับ Indovinya น้ัน คาดว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการที่อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ HVA ปรับตัวดีขึ้น

บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อนให้เกิดกระแสเงินสดอิสระจากการดำเนินงานเป็นบวก พร้อมกับการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ต่างๆ ตามแผน บริษัทฯ ได้มีการจัดโครงสร้างการกำกับดูแลในองค์กร เพื่อบริษัทฯ จะสามารถส่งมอบผลงานให้ได้ตามแผน IVL 2.0 ภายในปี 2569