HoonSmart.com>>”เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล”(AAI) คงเป้าผลงานปี 2568 แม้เชื่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อยอดขาย-มาร์จิ้นในช่วงที่เหลือของปี 68 แต่อุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงยังมี-นโยบายภาษีสหรัฐฯยังไม่แน่นอนสูง อีกทั้งได้ปัจจัยบวกจากราคาทูน่าย่อตัวลงช่วงนี้ ส่วนออเดอร์ลูกค้าไตรมาส 2 ไม่ได้มากกว่าปกติ พร้อมตั้งงบลงทุนปี 68 ไว้ที่ 1,015 ล้านบาท เริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนวันนี้ไปถึง 28 พ.ย.68 จำนวนที่จะซื้อไม่เกิน 65 ล้านหุ้น
น.ส.วรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่านโยบายภาษีของสหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อยอดขาย และอัตรากำไรในช่วงที่เหลือของปี 2568 แต่บริษัทยังไม่ปรับเป้าหมายผลดำเนินงานปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงยังมีอยู่ และนโยบายภาษีของสหรัฐฯก็มีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ดี บริษัทคงติดตามสถานการณ์เพื่อวางแผนรับมือ โดยติดตามลูกค้ามีแนวทางรับมืออย่างไร และสถานการณ์และค่อยปรับเป้าหมาย ขณะเดียวกันบริษัทยอมรับว่านโยบายภาษีของสหรัฐฯส่งผลกระทบในทางลบ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็กระทบในทางลบ
แต่บริษัทก็ได้ปัจจัยบวกจากราคาทูน่าที่ช่วงนี้ย่อตัวลง จากต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯประเมินว่าราคาทูน่าจะแพงขึ้น ทำให้เห็นว่ายังมีความไม่แน่นอนมาก อย่างไรก็ดี ให้เชื่อมั่นบริษัทฯว่าจะก้าวผ่านนโยบายที่ยากลำบากไปให้ได้
ปี 2568 บริษัทคงเป้ายอดขายที่ 7,400 ล้านบาท เติบโต 8.8% โดยผลประกอบการไตรมาสแรกยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และราคาทูน่าที่สูงในช่วงไตรมาสแรก สำหรับช่วงที่เหลือของปี GPM จะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนและภาษี ซึ่งน่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากราคาปลาทูน่าที่ลดลง
“ปกติภาษีนำเข้าสินค้าทางลูกค้าจะเป็นคนจ่าย แต่เวลาต้นทุนสูงขึ้นก็จะมากดดันให้เราช่วย ซึ่งภาษีนำเข้าสูงขึ้น เจ้าของแบรนด์ก็จะปรับราคาขึ้นในตลาด ผู้บริโภคทราบสินค้าแพงขึ้นมาจากภาษีนำเข้า ซึ่งเชื่อว่าภาษีนำเข้าสินค้าที่สูงขึ้นก็จะมีการ่วมกันแบกรับ ทั้งลูกค้า, ผู้ผลิต และผู้บริโภคปลายทางในสหรัฐฯ”
สำหรับไตรมาส 2/2568 บริษัทไม่มีคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มากกว่าปกติ ซึ่งบริษัทฯได้หารือกับลูกค้า แล้วลูกค้ารู้สึกถึงความไม่แน่นอนนโยบายของ”ทรัมป์” ทำให้ไม่ต้องตัดสินใจนานไป ซึ่งหลังพ้นระยะผ่อนผันเก็บภาษี 10% แล้ว ก็ยังเดายากว่าสหรัฐฯจะคงเก็บ 10% หรือลดเก็บต่ำกว่า 10% หรือเก็บมากกว่า 10% เชื่อลูกค้ารอให้มีความแน่นอนก่อน สำหรับบริษัทมองการปรับโครงสร้างต้นทุนผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้าแข่งขันในตลาดได้ เพราะสินค้าแพงทุกเจ้าในตลาด แต่จะทำยังไงให้ผลิตภัณฑ์แข่งขันได้เหนือกว่าคู่แข่ง
งบลงทุนในปี 2568 ตั้งไว้ที่ 1,015 ล้านบาท โดยจะลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ขณะนี้ได้เริ่มสร้างแล้ว คาดว่าจะเสร็จในกลางปี 2569 และสร้างอาคารผลิตหลังที่ 2 เพื่อรองรับกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก 21,000 ตัน ทำให้รวมกำลังการผลิตไม่น้อยกว่า 80,000 ตันเป็นไปตามแผนระยะะยาวของบริษัท อีกทั้งใช้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเหมือนเดิม เพื่อลดต้นทุน และเกิดประโยชน์ต่อบริษัทในระยะยาว โดยบริษัทจะใช้แหล่งที่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกระแสเงินสดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีเพียงพอไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม
นอกจากนี้ บริษัทฯมีโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 312 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 65 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.06% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด เริ่มวันที่ 28 พ.ค.-28 พ.ย. 2568 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารโครงสร้างเงินทุนและใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสนับสนุนให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในศักยภาพการดำเนินงาน และมูลค่าพื้นฐานของบริษัทในระยะยาว
