“บล.คิงส์ฟอร์ด”คาดแนวโน้มดัชนีเสี่ยงพักตัว แนะ PLANB-STECON

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มหุ้นวันนี้ ดัชนีเสี่ยงพักตัวได้อีก รอความชัดเจนข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ รองบประมาณรายจ่ายปี 69 เข้าสภา วางแนวรับ 1,182-1,173 จุด ส่วนแนวต้าน 1,190 -1,200 จุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง บอนด์ยีลด์เพิ่มขึ้นแตะ 4.48% แนะทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, ธนาคารพาณิชย์ หุ้นเด่นแนะนำ PLANB, STECON

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด คาดแนโน้มหุ้นวันนี้ วางจุดสังเกตุดัชนี SET บริเวณ 1,190 จุด กรณียืนไม่ได้ ยังต้องระวังการปรับฐานลงสู่ระดับ 1,160 – 1,170 จุด แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม CPF,TFG,CBG,MALEE เป็นสินค้าจำเป็น, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ KBANK,SCB,BBL คาดได้ประโยชน์จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ กอปรโครงการคุณสู้ เราช่วยยังช่วยลดภาระหนี้

สำหรับสัญญาณทางเทคนิคดัชนีวันนี้เสี่ยงพักตัวได้อีก แนวรับ 1,182-1,173 จุด ส่วนแนวต้าน 1,190 -1,200 จุด

“ดัชนี SET ยังทรงตัวรอความชัดเจนการเจรจาการข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ไทย และรอการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 วงเงินไม่เกิน 3.7 ล้านล้าน ที่เข้าพิจารณาวาระแรกในวันที่ 28 – 30 พ.ค.นี้ ขณะที่วานนี้ครม.มีมติอนุมัติงบ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำเพื่อใช้บริโภคและเกษตรกรรม, ลงทุนด้านคมนาคม, งบช่วยเหลือภาคส่งออกและ SME รวมถึงงบกองทุนหมู่บ้าน SML ต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA -0.27%, S&P500 -0.39%, Nasdaq -0.38% ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้าน หลัง ประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้ Walmart ไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.48%

วันอาทิตย์นี้จะมีการการพิจารณาร่าง กม.ปฏิรูปภาษีของสภาผู้แทนฯ มีแผนจะลดการเก็บภาษีเงินได้ แต่มีการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายทางการทหารและคุมการอพยพ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหนี้ให้กับรัฐบาลสหรัฐอีก 3 – 5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์

ส่วนการประชุม รมว.คลังกลุ่ม G7 ที่แคนาดานั้น ยังต้องติดตามว่าจะมีความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าหรือไม่ ขณะที่ รมว.พาณิชย์จีนเตือน มาตรการคุมการส่งออกชิป Huawei ของสหรัฐนั้น อาจส่งผลลบต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน

ด้านเอเชีย ผู้แทนการค้าญี่ปุ่นจะเยือนสหรัฐในวันที่ 23 พ.ค. เพื่อเจรจารอบที่ 3 ซึ่งยังมีประเด็นเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินเยน และการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น ขณะที่เวียดนามจะเจรจาการค้ารอบที่ 2 กับสหรัฐในวันที่ 19 – 22 พ.ค.

หุ้นเด่น แนะนำ PLANB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.85 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 193 ล้านบาท -40%QoQ, +7%YoY ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลตามเม็ดเงินสื่อโฆษณา แต่ยังเพิ่มขึ้น YoY ได้จากรายธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ส่วนใหญ่จากมวยเวทีราชดำเนินที่ได้รับความนิยม รวมถึงรายได้ BNK ที่มีการเลือกตั้ง

ส่วนธุรกิจสื่อนอกบ้านรายได้โตเล็กน้อยและเห็น U-rate ลดลงแต่เป็นเพราะมี media capacity เพิ่มขึ้น ส่วน SG&A/Sale ที่ยังสูงกว่าปกติเพราะมีตั้งด้อยค่าเงินลงทุนใน BNK ก้อนสุดท้าย ข้ามมาที่ 2Q68 คาดกำไรฟื้นตัวเด่น QoQ, YoY เนื่องจากผ่านช่วง Low season ของการใช้สื่อนอกบ้าน U-rate จะกลับมาที่ 73-75% ทั้งปี 68 บริษัทวางเป้า core revenue ที่ 9.6-9.7 พันล้านบาท +5-6%YoY จากการเอาสื่อเสาตอม่อใต้ BTS กลับมาขายเองเริ่ม เม.ย.68 การบริหารสื่อให้ VGI เริ่ม พ.ค.68 เป็นรายได้เข้ามา 300-500 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี

ส่วน Hello LED เริ่มรับรู้ 100% ใน ส.ค.68 GPM 30-31% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 อิงจาก consensus อยู่ที่ 1.16 พันล้านบาท +11%YoY และ 1.29 พันล้านบาท +11%YoY

หุ้น STECON (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 342 ล้านบาท (+3,009%YoY, พลิกมีกำไรจากขาดทุนใน 4Q67 ที่ 2,247 ล้านบาท ) มีปัจจัยหนุนจาก 1.รายได้เงินปันผลราว 222 ล้านบาท จาก GULF 2.ไม่มีค่าใช้จ่ายโครงการหนองบอน และ 3.ส่วนแบ่งขาดทุนที่ลดลงจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ส่วนการดำเนินงานในช่วงถัดไปคาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อ ปัจจุบัน มี Backlog อยู่เกือบ1.22 แสนล้านบาท โดยใน 1Q68 ได้เซ็นต์ งานData Center 1.6 หมื่นล้านบาท งานก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงยังมีงานอื่นๆที่มีโอกาสประมูลเข้ามาเพิ่มเติมได้อีก