MST กำไร 171 ลบ. โต 4.28% ค่าใช้จ่ายลด รายได้ดอกเบี้ย-พอร์ตหนุน

HoonSmart.com>> บล.เมย์แบงก์ (MST) อวดกำไรไตรมาส 1/67 ที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.28% รายได้นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงตามมูลค่าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ ได้ดอกเบี้ยจากเงินฝาก เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ กำไรผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการหนุน ด้านค่าใช้จ่ายลดลง

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 171.31 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.30 บาท เพิ่มขึ้น 4.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท

บริษัทฯ มีรายได้ค่านายหน้าลดลง 148.57 ล้านบาท จาก 397.52 ล้านบาท เหลือ 248.95 ล้านบาท หรือ 37.37% เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 134.40 ล้านบาท จาก 349.29 ล้านบาท เหลือ 214.89 ล้านบาท หรือ 38.48% เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 66,669.50 ล้านบาท/วัน เหลือ 45,684.46 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 31.48% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลง 35.95% เหลือ 32.06% เป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลลดลงจาก 23,966.41 ล้านบาท/วัน เหลือ 14,647.62 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 38.89%

รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายล่วงหน้าลดลง 29.38% จาก 48.23 ล้านบาท เหลือ 34.06 ล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 1.74% เหลือ 42.85 ล้านบาท เนื่องมาจาก ค่าธรรมเนียมจากการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนลดลง 3.80 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 1.47 ล้านบาท ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 4.01 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 0.50 ล้านบาท

นอกจากนี้มีรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 77.03 ล้านบาท หรือ 22.33% เป็น 421.90 ล้านบาท เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 10.64 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 33.32 ล้านบาท และ กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 41.10 ล้านบาท ในขณะที่รายได้อื่นลดลง 8.03 ล้านบาท

ด้านค่าใช้จ่ายรวมลดลง 81.20 ล้านบาท หรือ 13.97% อยู่ที่ 499.83 ล้านบาท เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 39.82 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 9.37 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 7.36 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นลดลง 34.21 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 9.56 ล้านบาท