HoonSmart.com>>สภาพัฒน์ เผยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปี 68 ของไทยขยายตัว 3.1% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 3.3% ในไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดขยายตัว 1.3–2.3% แรงหนุนการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายลงทุนภาครัฐอย่างไรก็ดี การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปียังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกของปี 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.1% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 3.3% ในไตรมส 4 ของปี 2567 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2568 ขยายตัว 0.7% จากไตรมาส 4 ปี 2567
การส่งออกสินค้าและการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูง การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลชะลอตัว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่อง
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 2.6% ชะลอลงจากการขยายตัว 3.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการชะลอตัวในทุกหมวดสินค้า โดยการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนขยายตัว 1.9% ชะลอลงจาก 2.3% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการใช้จ่ายกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ การใช้จ่ายหมวดบริการขยายตัว 4.5% ชะลอลงจาก 6.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการชะลอตัวของการใช้จ่ายกลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร และกลุ่มบริการด้านสุขภาพ ส่วนการใช้จ่ายหมวดสินค้ากึ่งคงทนขยายตัว 0.9% ชะลอลงจาก 3.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการชะลอตัวของการใช้จ่ายกลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้า และการลดลงของการใช้จ่ายเพื่อซื้อเครื่องเรือนและเครื่องตกแต่ง ขณะที่การใช้จ่ายหมวดสินค้าคงทนลดลง 1.4% ต่อเนื่องจากการลดลง 9.5% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการใช้จ่ายเพื่อซื้อยานพาหนะลดลง 2.0% เทียบกับการลดลง 21.2% ในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 51.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.5 ในไตรมาสก่อนหน้า การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 3.4% ชะลอลงจากการเพิ่มขึ้น 5.4% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยคำซื้อสินค้าและบริการขยายตัว 9.8% รายจ่ายการโอนเพื่อสวัสดิการสังคมที่ไม่เป็นตัวเงินสำหรับสินค้าและบริการในระบบตลาดขยายตัว 6.0% และค่าตอบแทนแรงงานขยายตัว 0.9% สำหรับอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำในไตรมาสนี้อยู่ที่ 23.6% (ต่ำกว่าอัตราเบิกจ่าย 36.7% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่สูงกว่า 18.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน)
การลงทุนรวมขยายตัว 4.7% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 5.1% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการลงทุนภาครัฐ ขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ที่ 26.3% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 39.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายตัวของการลงทุนรัฐบาล ในขณะที่การลงทุนรัฐวิสาหกิจลดลง สำหรับอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนในไตรมาสนี้อยู่ที่ 12.8% (ต่ำกว่าอัตราเบิกจ่าย 13.4% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่สูงกว่า 5.1% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) ส่วนการลงทุนภาคเอกชน ลดลง 0.9% ต่อเนื่องจากการลดลง 2.1% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการลงทุนในหมวดเครื่องจักรเครื่องมือลดลง 0.3% เทียบกับการลดลง 1.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนการลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลง 3.8% ต่อเนื่องจากการลดลง 3.9% ในไตรมาสก่อนหน้า
ด้านการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกสินค้ามีมูลค่า 80,444 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15% สูงสุดในรอบ 13 ไตรมาส เร่งขึ้นจาก 10.6% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยดัชนีปริมาณการส่งออก ขยายตัว 14% เร่งขึ้นจาก 9.3% ในไตรมาสก่อน ตามการขยายตัวในเกณฑ์ดีของปริมาณการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ด้านดัชนีราคาสินค้าส่งออก เพิ่มขึ้น 0.8% ต่อเนื่องจาก 1.2% ในไตรมาสก่อน กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น อาทิ ยางพารา (32.4%) คอมพิวเตอร์(130.8%) ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์(50.4%) อุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์(28.6%) แผงวงจรรวมและชิ้นส่วน(24.7%) และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม (24.6%) เป็นต้น การส่งออกสินค้าไปตลาดส่งออกหลักส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยเฉพำะตลาดสหรัฐฯ และจีน อาเซียน และสหภาพยุโรป ไม่รวมอังกฤษ ขณะที่การส่งออกสินค้าไปยังตลาดออสเตรเลีย และฮ่องกง ลดลงต่อเนื่อง
ส่วนการนำเข้าสินค้า มีมูลค่า 72,269 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 7.1% ชะลอลงจาก 10.7% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.6% ขณะที่ราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 3.4% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 8.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (276.4 พันล้านบาท) สูงกว่าการเกินดุล 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (182.3 พันล้านบาท) ในไตรมาสก่อนหน้า
การผลิต สาขาเกษตรกรรม สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และสาขาการขายส่งขายปลีกฯขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาก่อสร้าง สาขาขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้าชะลอตัว
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 1.3–2.3% (ค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ 1.8%) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายลงทุนภาครัฐ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชน ท่ามกลางอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง
อย่างไรก็ดี การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปียังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก และผลกระทบจากการดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ รวมทั้งความเสี่ยงจากความผันผวนในภาคเกษตร ทั้งนี้ คาดว่าการอุปโภคบริโภคจะขยายตัว 2.4% และการลงทุนภาคเอกชนลดลง 0.7% ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 1.8% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.0-1.0% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.5% ของ GDP
