ดาวโจนส์ปิดบวก 331 จุด สัปดาห์นี้ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนหนุน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 331 จุด นักลงทุนมองข้ามข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง กังวลเงินเฟ้อต่อเนื่อง จับตาร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ผ่านขั้นตอนสำคัญของสภาคองเกรส ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 42,654.74 จุด เพิ่มขึ้น 331.99 จุด หรือ +0.78% ขณะที่นักลงทุนมองข้ามข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าผิดหวังและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง และจับตาร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ผ่านขั้นตอนสำคัญของสภาคองเกรส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,958.38 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุ, +0.70%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,211.10 จุด เพิ่มขึ้น 98.78 จุด, +0.52%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 3.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.3% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 7.2%

ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมลดลง เนื่องจากมีมุมมองทางลบมากขึ้นต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยดัชนีอยู่ที่ 50.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่มีการบันทึกไว้ และลดลงจาก 52.2 ในเดือนเมษายน ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีพุ่งขึ้นแตะ 7.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1981

เจมี ค็อกซ์ ผู้จัดการหุ้นส่วนของ Harris Financial Group กล่าวว่า ตลาดกำลังประเมินความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำพร้อมภาวะเศรษฐกิจถดถอยใหม่ ซึ่งเคยเป็นกรณีพื้นฐานสำหรับผู้ที่มั่นใจว่าภาษีศุลกากรจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในทันที แต่ข้อมูลดังกล่าวกลับไม่ได้สะท้อนตามนั้น

ในขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตามองพัฒนาการสำคัญครั้งต่อไปในการผลักดันการค้าของทรัมป์ โดยเฉพาะข้อตกลงใหม่ๆ และนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติมอีกหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงการค้ากับจีนเมื่อวันจันทร์

ประธานาธิบดีกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐฯจะส่งจดหมายออกไปเพื่อแจ้ง ประเทศต่างๆ เกี่ยวกับอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าของพวกเขาภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพราะรัฐบาลของเขาไม่สามารถเจรจาข้อตกลงกับคู่ค้าทั้งหมดได้ในคราวเดียวเนื่องจากมีขีดความสามารถที่จำกัด

นอกจากนี้ ยังจับตาการลงคะแนนเสียงต่อร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของทรัมป์ รวมถึงการเจรจาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับร่างกฎหมาย แม้ว่าทรัมป์จะเรียกร้องให้เป็นหนึ่งเดียว แต่พรรครีพับลิกันกลับลงคะแนนเสียงคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะลดหย่อนภาษีจำนวนมาก ที่ถือเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความก้าวหน้าของร่างกฎหมายล่าช้าลง

หุ้น UnitedHealth Group ฟื้นตัวหลังร่วงหนัก 8 วันติดต่อกัน โดยพุ่งขึ้น 6.4% นักลงทุนจับตาบริษัท หลัง The Wall Street รายงานว่า บริษัทอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนคดีอาญาโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ

หุ้น Applied Materials ลดลง 5.3% หลังรายงานรายได้ไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นได้แก่ การเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนเมษายนจากกระทรวงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น 1.6% มาที่ 1.361 ล้านยูนิต และสูงกว่า 1.360 ล้านยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 4.7% มาที่ 1.412 ล้านยูนิต และต่ำกว่า 1.450 ล้านยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกและดปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 จากข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯ ช่วยลดความกังวลเรื่องภาษีศุลกากร และผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่ง

ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยดัชนีของเยอรมนีเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 549.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.31 จุด หรือ +0.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,684.56 จุด เพิ่มขึ้น 50.81 จุด, +0.59%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,886.69 จุด เพิ่มขึ้น 33.22 จุด, +0.42%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,767.43 จุด เพิ่มขึ้น 71.84 จุด, +0.30%

หุ้น Richemont กลุ่มสินค้าหรู พุ่งขึ้นเกือบ 7% หลังจากรายงานว่ายอดขายประจำไตรมาสเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งสูงกว่าที่คาดเล็กน้อย หนุนกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.2% และกลุ่มสินค้าหรูเพิ่มขึ้น 2.2%

ข้อมูลของ LSEG แสดงให้เห็นว่ารายได้ในภูมิภาคนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง โดยคาดว่ารายได้ไตรมาสแรกจะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ขนาดใหญ่เป็นหุ้นที่ปรับขึ้นมากที่สุด โดยพุ่งขึ้น 1.2% จากการปรับขึ้นของ AtraZeneca และ Novartis
การลดลงของหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทำให้การปรับขึ้นของดัชนีอ้างอิงจำกัด ในรอบสัปดาห์ ดัชนีอ้างอิงยุโรปเพิ่มขึ้นประมาณ 2% โดยได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งในการลดภาษีศุลกากรระหว่างกัน

ภูมิภาคนี้กำลังจับตาความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากการเจรจาโดยตรงครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีระหว่างสองประเทศที่ทำสงครามกันไม่ได้ข้อสรุปการหยุดยิง

สำหรับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานของฝรั่งเศสอยู่ที่ 7.1% ในไตรมาสแรก ราคาผู้บริโภคของอิตาลีที่สอดคล้องกับสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนเมษายน จากประมาณการเบื้องต้น 2.1%

มาร์ติน คาซัคส์ ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่ที่จุดต่ำสุดแล้ว แต่ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงกะทันหันอาจเปลี่ยนแนวโน้มนโยบายได้

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.41% ปิดที่ 62.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน
กรกฎาคม เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.36% ปิดที่ 65.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล