ศูนย์กสิกรฯคาดรายได้ดบ.ชะลอต่อ ลุ้นแบงก์กำไรโตตามศก.

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ 9 แบงก์ ไตรมาส 1/67  กำไรโต อานิสงส์จากสำรองฯ ที่ลดลง ส่วนแนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ-NIM ชะลอตัว จากต้นทุนเงินฝากประจำติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ย แบงก์ยังคงระวังการรุกธุรกิจหวั่น NPLs โผล่

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ผลงานและแนวโน้มของธนาคารพาณิชย์ 9 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่างบไตรมาส 1/2567 ส่วนใหญ่ ได้รับแรงหนุนจากการลดลงของสำรองหนี้ฯ ขณะที่รายได้จากธุรกิจหลักฟื้นตัวในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด ส่วนช่วงที่เหลือของปี  รายได้จากธุรกิจหลักและสินเชื่ออาจได้รับอานิสงส์มากขึ้น หากเศรษฐกิจไทยประคองทิศทางฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและเร่งจัดการปัญหา NPLs ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนการเงิน และต้องติดตามทิศทางดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า

ธุรกิจของธนาคารเริ่มเห็นสัญญาณของการปรับตัวลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากผลของต้นทุนเงินฝากที่ทยอยไล่ตามมา โดย
สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ 5 เรื่องดังนี้

1. แม้ค่าใช้จ่ายในการตั้งค่าเผื่อฯ และอัตราส่วนการตั้งค่าเผื่อฯ ต่อสินเชื่อ (Credit Cost) ของธนาคารส่วนใหญ่จะลดลง แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวที่ไม่ต่อเนื่อง และแนวโน้มที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้การชะลอลงของค่าใช้จ่ายในการตั้งค่า 2เผื่อฯ น่าจะเป็นผลมาจากการเร่งตุนสำรองไว้ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

2. สัญญาณการเบิกใช้สินเชื่อของภาคธุรกิจ ช่วยหนุนให้ภาพรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ 9 แห่งในไตรมาส 1 เติบโตดีขึ้นกว่าในช่วงปลายปี 2566 ยอดคงค้างสินเชื่อจากงบการเงินรวม ณ ไตรมาส 1 ขยายตัว1.6% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจาก 0.7% YoY ในไตรมาส 4/2566 โดยได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อภาครัฐ อย่างไรก็ดีสินเชื่อรายย่อยยังฟื้นตัวช้า ธนาคารหลายแห่งยังพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง

3. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มในอัตราที่ช้าลง ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) เริ่มชะลอ เพราะสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ให้ผลตอบแทนต่ำและต้นทุนทางการเงิน โดยเฉพาะต้นทุนเงินฝาก เริ่มไล่ตามมาตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ  รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเริ่มมีทิศทางชะลอตัว สอดคล้องกับ NIM ที่ทยอยเริ่มย่อตัว หลังจากผ่านจุดสูงสุดมาแล้วในช่วงไตรมาส 4/2566

4. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิฟื้นตัวกลับมา แต่เป็นการเพิ่มขึ้นเพียง 3 บางหมวด  เช่น  การขายประกันผ่านธนาคาร (Bancassurance)  กองทุน และการบริการรับชำระเงินบางประเภท ขณะที่ค่าธรรมเนียมกลุ่มอื่นๆ เช่น ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุน

5. สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพตามข้อมูลงบการเงินรวมของธนาคารพาณิชย์ 9 แห่ง ขยับสูงขึ้น มาที่ 3.07% ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 1 จากระดับ 2.96% ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับการจัดชั้นของสินเชื่อธุรกิจบางราย ขณะที่คุณภาพของพอร์ตสินเชื่อรายย่อยยังคงด้อยลงตามภาพเศรษฐกิจและรายได้ภาคครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างเต็มที่ต่อภาพออกไปในระยะข้างหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินทิศทางธนาคารพาณิชย์และบริษัทย่อยภายใต้สมมติฐานที่แม้เศรษฐกิจไทยอาจทยอยฟื้นในช่วงที่เหลือของปี 2567 แต่ยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหลายประเด็นรออยู่ ดังนี้

รายได้อัตราดอกเบี้ยสุทธิ และ NIM ยังมีโอกาสชะลอลงต่อเนื่อง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงต้องทยอยรับรู้ต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝาก
ภายใต้โครงสร้างเงินฝากในปัจจุบันที่มีสัดส่วนเงินฝากประจำพิ่มขึ้น ประกอบกับยังต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศในระยะที่เหลือของปี ขณะที่ประเด็นติดตามจะอยู่ที่แผนการระดมสภาพคล่องสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากมีผลทำให้สภาพคล่องตึงขึ้น ก็อาจจะเห็นการทยอยออกแคมเปญเงินฝากบางประเภทเพิ่มเติมเพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝากรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ อาจได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้นหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวกลับมา

สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิในปี 2567 อาจกลับมาขยายตัวอีกครั้ง จากที่หดตัวลงติดต่อกันในช่วงปี 2565-2566 แต่อัตราการเติบโตอาจจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากยังคงไม่มีค่าธรรมเนียมที่สามารถชดเชยรายได้ค่าธรรมเนียมบริการโอนเงินที่ยกเว้นไปได้ ประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ ยังคงสะท้อนผ่านระดับการตั้งสำรองฯ และ Credit Cost ที่จะยังไม่ลดลงกลับไปเหมือนระดับในช่วงปกติ และอาจเห็นสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสิ้นปี 2567 สูงกว่าสิ้นปี 2566 โดยสินเชื่อที่ยังมีประเด็นด้านคุณภาพหนี้ยังเป็นกลุ่มสินเชื่อรายย่อยและ SMEs

อย่างไรก็ดี การจัดการปัญหา NPLs ในเชิงรุก ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ตามแนวทางการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม จะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ทยอยรับรู้สถานการณ์ของสินเชื่อในพอร์ตและสามารถรับมือกับปัญหา NPLs ได้

“แม้รายได้จากธุรกิจหลักและการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์อาจทยอยได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น หากเศรษฐกิจไทยประคองสัญญาณการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2567 แต่คงต้องยอมรับว่ายังคงมีความไม่แน่นอนของหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจรออยู่  ทำให้ธนาคารพาณิชย์ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและมีประเด็นที่ต้องบริหารจัดการต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพสินเชื่อ  จึงยังคงต้องมีการตั้งค่าเผื่อฯ ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา และยังต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า”ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุป