BAM ไตรมาส 1/68 กำไร 217 ลบ. หด 48.7% เศรษฐกิจไม่แน่นอนกดดัน NPLs – NPAs

HoonSmart.com>>บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ลดลง 48.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ผลเรียกเก็บ (ไม่รวม JV) หด 9.7% การจัดเก็บหนี้ NPLs หด 9.5% ไตรมาส 1/68 บริษัทฯ ไม่ได้ลงทุนซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน ปี 68 การบริหารจัดการ NPLs และ NPAs ยังเผชิญกับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 งบการเงินเฉพาะกิจการ มีกำไรสุทธิ 209 ล้านบาท ลดลง 50.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และงบการเงินรวมมีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ลดลง 48.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ไตรมาสนี้บริษัทฯ มีผลเรียกเก็บ (ไม่รวม JV) 3,192 ล้านบาท ลดลง 9.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการจัดเก็บหนี้ NPLs จำนวน 1,955 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการชะลอตัวของการปรับโครงสร้างหนี้ TDR รายใหม่ ทั้งนี้ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ TDR รายเดิมมีแนวโน้มทรงตัว

สำหรับการขายทรัพย์ NPAs เป็นเงินจำนวน 1,237 ล้านบาท ลดลง 9.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายทรัพย์ที่อยู่อาศัยโตขึ้น 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดขายทรัพย์อาคารพาณิชย์และทรัพย์เพื่อการลงทุนหดตัวลง 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีราคาขายต่อราคาประเมินทรัพย์เฉลี่ยที่ 88.5% (ปี 2567 : 86.3%)

ไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ไม่ได้ลงทุนซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สถาบันการเงินทยอยนำหนี้ออกมาเสนอขายในช่วงท้ายของไตรมาส จึงทำให้ปัจจุบันมีปริมาณหนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลมากกว่า 70,000 ล้านบาท บริษัทฯ ได้พิจารณาการลงทุนโดยคำนึงถึงประมาณการผลตอบแทน ความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงการบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสม

บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เท่ากับ 2.13 เท่า (ปี 2567 : 2.18 เท่า) อนึ่ง บริษัทฯ ได้ออก
และเสนอขายหุ้นกู้ในเดือนเมษายน 2568 จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงินรวม 1,650 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตงค์กรและตราสารหนี้ โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง อยู่ที่ระดับ A แนวโน้มอันดับเครดิตลบ

ปี 2568 การบริหารจัดการ NPLs และ NPAs ยังเผชิญกับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้คืนของลูกหนี้ NPLs และยอดขายทรัพย์ NPAs

นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเจอจุดเปลี่ยนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยสนใจซื้อคอนโดมิเนียมเปลี่ยนมาให้ความสนใจต่อบ้านแนวราบราคา 3-5 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้น รวมถึงขยายความสนใจไปยังที่อยู่อาศัยนอกเขตเมือง ซึ่งไม่ได้รับรู้หรือรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเพียงเล็กน้อย บริษัทฯ คาดว่ายอดโอนอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นมีแนวโน้มลดลง ซึ่งภาครัฐและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคและนักลงทุน

บริษัทฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงในการดำเนินงาน จึงกำหนดกลยุทธ์ให้มีการเร่งผลเรียกเก็บ เชิญลูกหนี้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น เร่งขายทรัพย์ทุกประเภทให้กับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้บริษัทฯ เติบโต สร้างรายได้ตามเป้าหมาย และสามารถสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มได้