หุ้นเช้านี้บวก 5.38 จุด รีบาวด์หลังร่วงแรง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 5.38 จุด รีบาวด์หลังร่วงแรง ท่ามกลางความกังวลสงคราม เฟดชะลอลดดอกเบี้ย และเข้าสู่ช่วงประกาศบฯ

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 18 เม.ย. 2567 ณ เวลา 10.03 น.อยู่ที่ระดับ 1,372.32 จุด เพิ่มขึ้น 5.38 จุด หรือ +0.39% มูลค่าซื้อขาย 2,633.07 ล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวลง แม้จะมีการรีบาวด์ในช่วงเปิด เนื่องจากตลาดยังมีความกังวลทั้งเรื่องสงคราม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการลดดอกเบี้ย และหลายตลาดเข้าสู่ช่วงของการรายงานผลประกอบการ

ตลาดหุ้นมีความเสี่ยง 2 ตัวหลัก คือดอกเบี้ยสหรัฐฯและโอกาสเกิดสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ทำให้นักลงทุนโยกเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ตัวหลักๆ คือ เงินสด ดอลล่าร์ และราคาทองคำ ตลาดหุ้นเอเซีย มีความเสี่ยงดังกล่าว และ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้น

เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี ทำให้โอกาสในการลดดอกเบี้ยปีนี้ของเฟดอาจเหลือเพียง 0-2 ครั้งเท่านั้น สินทรัพย์ที่ถูกกระทบมาที่สุดคือ ตลาดพันธบัตร(สหรัฐฯ) ส่วนของไทย อาจทำให้ กนง.ลดดอกเบี้ยช้าลงตามไปด้วย

สถาบันการเงินภาครัฐฯ (ธอส.+ออมสิน) ได้ออกโปรโมชั่นกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ยต่ำ อาจกลายเป็นตัวแปรที่เข้ามากดดอกเบี้ยในตลาดลง(คาดมาจากนโยบายรัฐบาล) จึงเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มการเงิน หุ้นที่อยู่อาศัย(ราคาต่ำ)บวกจากเรื่องนี้ แต่นักลงทุนอาจมองลบจากทิศทางเศรษฐกิจมากกว่า ราคาหุ้นจึงปรับตัวลดลง

สถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน คงรอแค่การตัดสินใจของอิสราเอล ว่าจะจบเรื่องหรือจะโจมตีอิหร่าน หากจบหรือไม่บานปลายจะดีต่อตลาด (ประเมินว่าอิสราเอล อาจมีทางเลือกคือไม่ใช้กำลังตอบโต้ หรือแค่ใช้เครื่องบินไปโจมตีสถานที่สำคัญบางแห่งของอิหร่าน) นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองเป็นความเสี่ยง ราคาทองคำ+ดอลล่าร์ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องนี้

ราคาน้ำมันดิบ Brent อยู่แถวๆ 90 เหรียญสหรัฐ ยังไม่เลือกทางไป เนื่องจากสงครามไม่ได้พัฒนาการไปอย่างมีนัยยะสำคัญ โดย PTTEP จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นโดยตรง ขณะที่หุ้นโรงกลั่นน้ำมัน เวลานี้ ค่าการกลั่นฯ ลดลงมาแล้ว

หุ้นธนาคาร จะทยอยนำส่งงบไตรมาส 1 ในสัปดาห์นี้ โดยวานนี้ TISCO ส่งงบออกมาตามคาด คือ 1.7 พันล้านบาท DAOL ประเมินกำไรหุ้นธนาคาร 10 ตัว ที่ทำบทวิเคราะห์ว่าจะมีกำไร 5.1 หมื่นล้านบาท +23.3% YoY +8.8% QoQ

บริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังทยอยรายงานผลประกอบการ โดย 2 กลุ่มหลักๆ (ในต่างประเทศ) ที่จะออกงบก่อน คือ สถานบันการเงินและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี่

ผลกระทบจาก “XD” โดยหุ้นสถาบันการเงินขึ้น “XD” ไปแล้วหลายตัวเมื่อวานนี้(17) คือ KTC, SCB, TTB, KTB จะเหลือ TCAP ในวันนี้ ตลาดหุ้นจึงเหลือผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ คำนวณผลกระทบจากการขึ้น “XD” สัปดาห์นี้ หากราคาลดลงเท่ากับเงินปันผล จะมีผลต่อดัชนีฯ ราว 4 จุด

หุ้นที่ถูก short มาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ใน NVDR เราเริ่มเห็นการเปิด short ที่มากขึ้น หลังตลาด(ราคาหุ้น) เหล่านี้ มีแนวโน้มลดลง จึงประเมินว่า ผลจากการำ cover short จะมีผลบวกต่อดัชนีฯ น้อยลงไปมาก

Event สำคัญๆ สัปดาห์นี้ : ตัวเลขยอดขายรถของไทย เดือนก่อน 52,843 คัน และตัวเลขเคลมการว่างงานของสหรัฐฯ

ด้านกลยุทธ์ มองตลาดวันนี้ จะลงน้อยและอาจรีบาวด์ให้เห็น และไปขึ้นกับการตัดสินใจของอิสราเอลว่าจะทำอย่างไรกับอิหร่าน ตลาดจึงพร้อมลงต่อ(ไปหา 1,354 จุด) หรือวกตัวกลับ ส่วนเฟดอาจลดดอกเบี้ยปีนี้ได้น้อยลง สะท้อนไปในตลาดระดับหนึ่งแล้ววานนี้ จึงแนะให้รอดูสถานการณ์(wait & see) และพร้อมซื้อ ถ้าสถานการณ์อิสราเอลดูดีขึ้น

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
BDMS อยู่ที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.90% มูลค่าซื้อขาย 310.37 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 55.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.36% มูลค่าซื้อขาย 219.37 ล้านบาท
KTB อยู่ที่ 16.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +0.62% มูลค่าซื้อขาย 161.26 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 162.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.91% มูลค่าซื้อขาย 148.81 ล้านบาท
DELTA อยู่ที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.05% มูลค่าซื้อขาย 132.17 ล้านบาท