ดาวโจนส์ปิดบวก 83 จุด รับผลการดำเนินงาน Microsoft – Meta

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ 83 จุด ขานรับผลประกอบการไตรมาส 1/68 ที่แข็งแกร่งของบริษัท เทคโนโลยี “Microsoft-Meta” ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดวันแรงงาน ตลาดลอนดอนบวกเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 1พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 40,752.96 จุด เพิ่มขึ้น 83.60 จุด หรือ +0.21% จากผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สองแห่ง Microsoft และ Meta ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,604.14 จุด เพิ่มขึ้น 35.08 จุด, +0.63%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,710.74 จุด เพิ่มขึ้น 264.40 จุด, +1.52%

ความกังวลของนักลงทุนที่ว่าภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอยจะกระทบการใช้จ่ายด้าน AI ได้เริ่มคลี่คลายลงหลังจากที่ Meta Platforms รายงานรายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าที่คาดไว้ โดยมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Meta กล่าวในการชี้แจงผลประกอบการเมื่อวันพุธว่าธุรกิจมีความพร้อมในการเดินหน้าท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาค

นอกจากนี้ Microsoft ยังรายงานผลประกอบการทั้งด้านรายได้และกำไรในไตรมาสที่ 3 ของปีบัญชีที่ดีกว่าคาดอีกด้วย ผู้บริหารของบริษัทกล่าวระหว่างการชี้แจงผลประกอบการเมื่อวันพุธว่า คาดว่าค่าใช้จ่ายด้านทุนจะเพิ่มขึ้นจากนี้ไป เนื่องจากบริษัทยังคงขยายขีดความสามารถของดาต้าเซ็นเตอร์ต่อไป โดยระบุว่า คลาวด์และปัญญาประดิษฐ์เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุกธุรกิจในการขยายผลผลิต ลดต้นทุน และเร่งการเติบโต

ผลประกอบการส่งผลให้หุ้น Microsoft พุ่งขึ้น 7.6% และช่วงหนึ่ง แซง Apple ขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ส่วนหุ้น Meta พุ่งขึ้น 4.2% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศปรับขึ้นมากกว่ากลุ่มธุรกิจอื่นๆ 10 กลุ่มในดัชนี S&P 500 อย่างมาก โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 2%

เจด เอลเลอร์โบรก ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Argent Capital Management กล่าวว่าหุ้นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะปลอดภัยจากภาษีของทรัมป์และสงครามการค้า แต่ AI ได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่นักลงทุนเชื่อในปัจจุบันมาก

อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งยังคงส่งผลต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทหลายแห่งได้ปรับลดหรือยกเลิกการคาดการณ์กำไร ตามข้อมูลของ LSEG คาดว่ากำไรไตรมาสแรกของบริษัทใน S&P 500 จะเติบโต 12.9% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากอัตราการเติบโต 8% ที่คาดเมื่อวันที่ 1 เมษายน

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่และบริษัทในกลุ่มMagnificent Seven อย่าง Amazon.com และ Apple ที่จะออกมาหลังจากปิดตลาด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานเมื่อวานนี้ให้ภาพรวมที่ผสม โดยจำนวนผู้ยื่นขอ

สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดในบรรดาข้อมูลตลาดแรงงานในสัปดาห์นี้ ก่อนรายงานการจ้างงานที่สำคัญของรัฐบาลในวันศุกร์ แสดงให้เห็นว่าการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเลิกจ้างที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการจัดเก็บภาษีศุลกากร

จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 241,000 ราย สูงกว่า ที่ 225,000 ราย Dow Jones คาดการณ์

ข้อมูล PMI จาก Institute for Supply Management แสดงให้เห็นว่าการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวอีกในเดือนเมษายน แม้ว่าจะหดตัวน้อยกว่า 47.8% ที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดไว้เล็กน้อย ในขณะที่ราคาวัตถุดิบยังคงสูงขึ้น โดยอยู่ที่ 48.7% ในเดือนเมษายน ลดลง 0.3 จุดจาก 49% ในเดือนมีนาคม

ส่วนหุ้นรายตัวอื่น หุ้นMcDonald’s ลดลง 1.9% หลังรายงานยอดขายทั่วโลกลดลงในไตรมาส 1 หุ้น Qualcomm ลดลง 8.9% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

หุ้น CVS Health พุ่งขึ้นกว่า 8% ในการซื้อขายช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี หลังจากบริษัทมีกำไรและรายได้ไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาไร้ทิศทาง ท่ามกลางความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะผ่อนคลายลง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการในวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) เนื่องในวันแรงงาน
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,496.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.95 จุด, +0.02%

หุ้นธนาคาร Lloyds ลดลง 2.3% หลังจากรายงานกำไรลดลงเกือบ 7% ในไตรมาสแรกท่ามกลางต้นทุนที่สูงขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.77% ปิดที่ 59.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 62.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–