ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 307 จุด จ้างงานแกร่ง เฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 307 จุด ขานรับรายงานจ้างงานแข็งแกร่ง สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐยังส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ แม้มีความไม่แน่นอนช่วงเวลาปรับดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 86.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Brent แตะ 91.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5เมษายน 2567 ปิดที่ 38,904.04 จุด เพิ่มขึ้น 307.06 จุด หรือ +0.80% เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ แม้มีความไม่แน่นอนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,204.34 จุด เพิ่มขึ้น 57.13 จุด, +1.11%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,248.52 จุด เพิ่มขึ้น 199.44 จุด, +1.24%

แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.27% เป็นสัปดาห์ที่ลดลงมาที่สุดของปี 2024 ดัชนี S&P500 ลดลง 0.95% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.8%

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมีนาคมว่า เพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 200,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือนและเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับคาดการณ์ ส่วนอัตราการว่างงานลดลงมาที่ 3.8% จาก 3.9%ที่นักวิเคราะห์คาด

ข้อมูลการจ้างงานส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ 4.40%. เพราะมองว่าเฟดไม่มีความเร่งด่วนที่จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยเทรดเดอร์ลดการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2024 เหลือประมาณ 0.65% หรือน้อยกว่าที่เฟดคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว

จอร์จ มาเทโย จาก Key Wealth กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะทบทวนจุดยืนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี

สตีฟ ไวแอตต์ จาก BOK Financial กล่าวว่า เขายังมองว่า การดำเนินนโยบายการเงินของเฟดครั้งต่อไปคือ การปรับลดดอกเบี้ย แต่ความจำเป็นเร่งด่วนน้อยลง

คริส ซัคคาเรลลี่ จากIndependent Advisor Alliance กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของนักลงทุน ที่สำคัญกว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไรและปรับลงกี่ครั้ง ก็คือ ขอให้เฟดลด
ดอกเบี้ย เพราะจะส่งผลให้ตลาดเดินหน้า แต่หากไม่มีการลดดอกเบี้ยหรือปรับขึ้น ก็จะมีผลทางลบ

โมฮัมหมัด เอล-เอเรียน ยังคงคาดว่า เจ้าหน้าที่ของเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ แม้รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งจะทำให้เทรดเดอร์ต้องประเมินจังหวะเวลาใหม่

เทรดเดอร์เลิกมองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเดือนกันยายนหลังจากรายงานการจ้างงานเดือนมีนาคม โดยสัญญา Swap บ่งชี้ความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนลดลงเหลือประมาณ 52%และสำหรับเดือนกรกฎาคม ความน่าจะเป็นลดลงต่ำกว่า 100%

ลอรี โลแกน ประธานเฟดจากดัลลาสกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยชี้ไปที่ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่ยังสูง และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าดอกเบี้ยอาจไม่ดึงเศรษฐกิจได้มากเท่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ มิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟด ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเงินเฟ้อ โดยย้ำว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง

หุ้นกลุ่มหลักทั้งหมดใน S&P 500 ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยี นำการปรับขึ้น ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นกว่า 1% ส่วนในกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นเทสลาลดลง 3% หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทได้ยกเลิกการผลิตรถรุ่นราคาถูก

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ลดลง 0.1% หลังประกาศที่จะซื้อหุ้นช็อกเวฟ เมดิคัล(Shockwave Medical ) บริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ในวงเงิน 12.5 พันล้านดอลลาร์ หุ้นช็อกเวฟ เมดิคัล บวก 2%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ดัชนี STOXX 600 ลงไปที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์หลังการให้ความเห็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยในท่าทีที่ยังเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รวมไปถึงการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด และจากความตึงเครียดในตะวันออกที่เพิ่มขึ้น

การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ในเดือนมีนาคม ทำให้เก็งว่าเฟดอาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
      
ส่วนการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในยูโรโซน ยอดค้าปลีกลดลง 0.7% เมื่อเทียบรายปีแต่ดีกว่าการลดลง 1.3% ที่นักวิเคราะห์คาด

ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนี STOXX 600 ลดลง 1.2% เป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม
      
กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มค่าปลีก และกลุ่มสื่อสาร เป็นกลุ่มปรับลดลงมาก ระหว่าง 1.6% ถึง 2.2%  
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 506.55 จุด ลดลง 4.29 จุด, -0.84%
    
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,911.16 จุด ลดลง 64.73 จุด, -0.81%
     
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,061.31 จุด ลดลง 90.24 จุด, -1.11
     
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,175.04 จุด ลดลง 228.09 จุด, -1.24%
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ +0.37% ปิดที่ 86.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ +0.57% ปิดที่ 91.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล