ดาวโจนส์ปิดบวก 141 จุด GDP หดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 141 จุด ฟื้นตัวช่วงท้ายตลาด นักลงทุนกังวลอภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากขึ้น หลัง GDP ไตรมาสแรกสหรัฐฯ ลดลง 0.3% เป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022 ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ร่วงแรง 2.21 ดอลลาร์ กว่า 3.66% ปิดที่ 58.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 30มษายน 2568 ปิดที่ 40,669.36 จุด เพิ่มขึ้น 141.74 จุด หรือ +0.35% จากการฟื้นตัวในช่วงท้ายตลาด ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากขึ้น หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสแรกหดตัว ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022

ดัชนี S&P500 ปิดที่ ที่ 5,569.06 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด, +0.15%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,446.34 จุด ลดลง 14.98 จุด, -0.09%

การซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน โดยในช่วงหนึ่งดัชนี S&P 500 ร่วงลงเกือบ 2.3% ขณะที่ดัชนี Dow ร่วงลงกว่า 780 จุด และแม้ว่าดัชนี S&P 500 และ Dow จะปรับขึ้น 7 ติดต่อกัน แต่ดัชนี S&P 500 ปรับลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกลดลง 0.3% ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับอย่างรวดเร็วจากที่ขยายตัว 2.4% ในไตรมาสที่สี่ นักลงทุนบางรายตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นผลจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น 41% ในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากบริษัทต่างๆ หาแนวทางที่จะรับมือกับภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

รายงานดังกล่าวยังแสดงให้เห็นการชะลอตัวครั้งใหญ่ของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลดลงของรายจ่ายของรัฐบาลจากการตัดลดของหน่วยงานใหม่ที่ชื่อ Department of Government Efficiency หรือ DOGE ที่อีลอน มัสก์ดูแล

ข้อมูลอื่นๆ ชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ยังคงย่ำแย่ การใช้จ่ายของผู้บริโภคในไตรมาสแรกเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2023 โดยรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 1.8% และลดลงจาก 4% ในไตรมาสก่อนหน้า

ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งได้พากันปรับลดหรือยกเลิกการคาดการณ์รายได้จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร

อย่างไรก็ตามตลาดฟื้นตัวหลังจากมีการเปิดเผยตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สดใสขึ้น โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้

กระทรวงพาณิชย์รายงาน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป(Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 2.2% ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ลดลงจาก 2.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี สอด คล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด และชะลอตัวจาก 3.0% ในเดือนก่อนหน้า เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐาน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ในไตรมาสแรก ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 3.5% สูงกว่า3.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และสูงกว่า 2.6%ในไตรมาสก่อนหน้า

นอกจากนี้ ADP รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของก่อนตัวเลข GDP ว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น 62,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน และค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.5%

นอกจากนี้ตลาดปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดในการซื้อขาย หลังจากบัญชีโซเชียลมีเดียของจีนที่เชื่อมโยงกับช่องของรัฐบาลจีนโพสต์ว่า สหรัฐฯ กำลังติดต่อจีนเพื่อขอเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร

ส่วนข้อมูลอื่นที่รายงานได้แก่ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) จากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.1% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบรายเดือน มาที่ 76.5 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.0%เมื่อเทียบรายปี ดัชนีลดลง 0.6%

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จาก Meta Platforms และ Microsoft หลังจากตลาดปิดทำการ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ในวันศุกร์นี้

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังซื้อขายในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายไตรมาส ก่อนการเปิดเผยข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 527.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด, +0.46%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,494.85 จุด เพิ่มขึ้น 31.39 จุด, +0.37%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,593.87 จุด เพิ่มขึ้น 38.00 จุด, +0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,496.98 จุด เพิ่มขึ้น 71.15 จุด, +0.32%

บริษัทใหญ่ด้านยานยนต์หลายราย ทั้ง Stellantis, Mercedes-Benz และ Volkswagen

รายงานผลประกอบการที่ลดลงในไตรมาสแรก และยกเลิกการคาดการณ์รายได้ปี 2025 จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

หุ้น Mercedes-Benz และหุ้น Volkswagen ต่างลดลงกว่า 2%

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจหลายชุดให้นักลงทุนวิเคราะห์เพื่อประเมินผลกระทบของนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของสหรัฐฯ ต่อธุรกิจในภูมิภาค

สำนักงานสถิติของยุโรป (Eurostat) รายงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ของยูโรโซนไตรมาสแรกขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส สูงกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และสูงกว่า 0.2% ในไตรมาส 4 ปี 2024

GDP ของสหภาพยุโรป (EU) ขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบรายไตรมาส สูงกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด จากที่ขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 4 ปีก่อน เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 1 ของยูโรโซนขยายตัว 1.2% และ GDP ของ EU ขยายตัว 1.4%

ข้อมูลการเติบโตยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกโดยธนาคารกลางยุโรป(ECB) โดยตลาดคาดว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายอีกครั้งในเดือนมิถุนายน
หุ้น Societe Generale ธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 3.7% จากรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 1

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 2.21 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 58.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.76% ปิดที่ 63.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงราว 16% นับตั้งแต่ต้นเดือนเมษ่ายน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021

———————————————————————————————————————————————————–