“คิงส์ฟอร์ด”คาด SET ทรงตัวกรอบ 1,130-1,160 จุด แนะ BTG-OKJ

HoonSmart.com>>”บล.คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มดัชนีทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,130 – 1,140 จุด แนวต้าน 1,150 – 1,160 จุด ระหว่างรอรายงานกำไร บจ.Q1/68 ลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ยประชุม 30 เม.ย.นี้ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม,กลุ่มไฟแนนซ์,ะกลุ่มที่มี ESG เรตติ้งสูงและราคาหุ้นปรับลดลงมาก พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่น BTG, OKJ

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,130 – 1,140 จุด แนวต้าน 1,150 – 1,160 จุด คาดดัชนีทรงตัวในกรอบระหว่างรอรายงานกำไร บจ.Q1/68 และผลการประชุม กนง.วันที่ 30 เม.ย. ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ย แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม CPF,GFPT,TFG,BTG,FM,AAI,ICHI,CBG,OSP จากคาดยอดส่งออกไทยในช่วง 1H/68 ยังอยู่ในทิศทางบวก กลุ่มไฟแนนซ์ SAWAD,MTC,KTC ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และกลุ่มที่มี ESG เรตติ้งสูงและราคาหุ้นปรับลดลงมาก เช่น AMATA,WHA,GSPC,BEM,CPN,CPALL ได้แรงหนุนจากกองทุน Thai ESGX

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.23%, S&P500 +2.03%, Nasdaq +2.74% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.54%, บริการสื่อสาร +2.31% หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งสัญญาณคลี่คลายข้อพิพาทการค้าสหรัฐ – จีน โดยมีโอกาสปรับลดการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าลงจากอัตรา 145% ลงไปที่ 50 – 65% และสหรัฐไม่ต้องการ Decoupling ออกจากห่วงโซ่การผลิตของจีน ขณะที่โฆษก ก.พาณิชย์จีนเผยยังไม่มีการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 6,000 อยู่ที่ 220,000 รายตามคาดการณ์ ค่ำวันนี้ ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เม.ย.คาด 50.8 และมี.ค.57.0

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.36% ได้แรงหนุนจากกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน +1.9%, ทรัพยากรพื้นฐาน +1% ปรับขึ้นตามราคาทองแดง ขณะที่กลุ่มธนาคาร -1% หลัง BNP Paribas -2.1% และโทรคมานาคม -0.8% นำโดย Nokia -9.4% หลังกำไร Q1/68 ต่ำกว่าเป้าหมาย

หุ้นเด่นแนะนำ BTG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.50 บาท) ตลาดคาดการณ์แนวโน้มกำไร 1Q68 เติบโตเด่นทั้ง QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น หนุนจากราคาหมูที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลดลง รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการขายในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูง บริษัทตั้งเป้าปี 68 ยอดขายโต 3-7%YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มตามการขยายกำลังการผลิต ขณะที่ GPM คาดสูงกว่าปี 67 ที่ 13.5% แนวโน้ม 1H68 น่าจะดีต่อเนื่องได้อานิสงส์จากราคาสุกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโรคระบาด ASF ปัจจุบันอยู่ที่ 87-88 บาท/กก.

ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังต่ำจากราคากากถั่วเหลือง นอกจากนี้การซื้อ Eggriculture ที่เป็นธุรกิจไข่ในสิงคโปร์จะเสร็จใน 1Q68 หนุนรายได้ในระยะถัดไป ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดปี 68 มีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท +77%YoY และปี 69 ที่ 4.5 พันล้านบาท +2%YoY

หุ้น OKJ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 13.31 บาท ) แนวโน้มการดำเนินงานยังมีแรงหนุนจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆตามกระแสนิยม โดยล่าสุด เปิดร้านไก่ทอด Joe Wings ด้าน OKJ* เอง ปีนี้ ตั้งเป้าผลักดันรายได้เติบโต 20-30%

ส่วนแผนงานปี67-71 ต้องการรักษาทิศทางรายได้ไม่ต่ำกว่าปี64-66 ที่เติบโตเฉลี่ย 40% และจะขยายสาขาทั้ง 3 แบรนด์หลัก คือ “โอ้กะจู๋” เป็น 67 สาขา+ร้าน Deliver & Kiosk รวม 37 สาขา/ “Ohkajhu Wrap & Roll” เป็น 20 สาขา/ “Oh Juice” เป็น 70 สาขา ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68และ69 ของ OKJ* จะอยู่ที่ระดับ 307 ลบ.(+52%YoY) และ 401 ลบ.(+31%YoY)