ดาวโจนส์ปิดบวก 419 จุด คลายกังวลสงครามการค้า-ทรัมป์ไม่ปลดพาวเวลล์

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 419.59 จุดหรือ +1.07% S&P500  เพิ่มขึ้น 1.67%  Nasdaq พุ่งขึ้น  2.50% คลายกังวลสงครามการค้า “ทรัมป์”ยอมรับภาษีที่จะเก็บจากจีนสูงเกินไป  และไม่ปลดพาวเวลล์ มีกระแสข่าวลดภาษีจีนเหลือระหว่าง 50% ถึง 65% ด้านตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์  ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI  ลดลง 2.2% ปิดที่ 62.27 ดอลลาร์ 

HoonSmart.com>> ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 23 เม.ย.2568 ปิดที่ 39,606.57 จุด เพิ่มขึ้น 419.59 จุด หรือ +1.07% ความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะคลี่คลายลงในเร็วๆ นี้หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีผ่อนปรนภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และยังกล่าวไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,375.86 จุด เพิ่มขึ้น 88.10 จุด, +1.67%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,708.05 จุด เพิ่มขึ้น 407.63 จุด, +2.50%

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารว่าเขายินดีที่จะใช้แนวทางที่เผชิญหน้ากันน้อยลงในการเจรจาการค้ากับจีน โดยระบุว่าภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 145% ในปัจจุบันนั้น สูงมาก และจะไม่สูงขนาดนั้น จะลดลงอย่างมาก แต่ก็จะไม่เป็นศูนย์

อย่างไรก็ตาม ดัฃนีหลักปิดตลาดอ่อนตัวจากระดับสูงสุดในช่วงเช้าที่ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 1,100 จุด และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.44% หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อเสนอฝ่ายเดียวจากประธานาธิบดีจะไม่คลี่คลายการต่อสู้ทางการค้าระหว่างทรัมป์กับจีน และทั้งสองประเทศมีโอกาสที่จะทำข้อตกลงใหญ่ในเรื่องการค้า หากต้องการที่จะปรับสมดุลใหม่ ก็ต้องทำด้วยกัน

คีธ บุคคานัน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Globalt Investments กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ตลาดต้องการ แม้กระทั่งเพียงสัญญาณของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คลายความร้อนแรงในแง่การค้า

นอกจากนี้ The Wall Street Journal รายงานเมื่อวันพุธ โดยอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าจากจีนเหลือระหว่าง 50% ถึง 65% ต่อมาเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้บอกกับ CNBC ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะต้องเป็นการดำเนินการแบบทวิภาคี โดยจีนจะต้องลดการกีดกันทางการค้าด้วยเช่นกัน

หุ้นที่มีความเสี่ยงสูงต่อจีนซึ่งถูกเทขายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นยักษ์ใหญ่จากกลุ่ม Magnificent Seven หุ้น Apple และ Nvidia เพิ่มขึ้นกว่า 2% และกว่า 3% ตามลำดับ

หุ้น Tesla พุ่งขึ้น 5% จากแรงกดดันด้านภาษีที่ผ่อนคลายลง และหลังจากที่ซีอีโออีลอน

มัสก์ กล่าวระหว่างการรายงานผลประกอบการของบริษัทในวันอังคารว่า เขาจะเลิกบริหาร Department of Government Efficiency เริ่มตั้งแต่เดือนหน้า

ขณะเดียวกัน ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่ง แม้จะย้ำถึงความต้องการให้ประธานเฟดลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนที่เคยกลัวว่าความขัดแย้งระหว่างทั้งสองจะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรอยู่แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ S&P Global รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนเมษายนลดลงมาที่ 51.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน จาก 53.5 ในเดือนมีนาคม แต่ดัชนี PMI ที่เหนือ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจยังคงขยายตัว

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงาน ยอดขายบ้านใหม่เดือนมีนาคม พุ่งขึ้น 7.4% มาที่ 724,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 และสูงกว่า 680,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด

รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐประจำเดือนเมษายน มีความเห็นจากบริษัทต่างๆ ว่าภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และประเด็นสำคัญคือ คาดว่าจะส่งผ่านราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ไปยังผู้บริโภค

Goldman Sachs ปรับลดประมาณการ GDP ไตรมาสแรกลงเหลือ 0.1% จาก 0.4%ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะเติบโต 0.2% จากฃ่วงเดียวกันของปีก่อน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ SAP ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของยุโรป ขณะที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คลี่คลายลงส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกดีขึ้น

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 516.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.06 จุด, +1.78%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,403.18 จุด เพิ่มขึ้น 74.58 จุด, +0.90%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,482.36 จุด เพิ่มขึ้น 155.89 จุด, +2.13%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,961.97 จุด เพิ่มขึ้น 668.44 จุด, +3.14%

หุ้น SAP พุ่งขึ้น 10.6% และเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบ 6 ปี หลังจากบริษัททำผลกำไรไตรมาสแรกได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ส่งผลให้กลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปพุ่งขึ้น 3.9%

กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานก็เพิ่มขึ้น 3.3% จากราคาโลหะพื้นฐาน เช่น ทองแดง พุ่งสูงขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คลี่คลายลง

สำนักข่าว Reuters รายงานอ้างแหล่งข่าวว่ารัฐบาลทรัมป์จะพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนในระหว่างการเจรจากับปักกิ่ง และจะไม่ดำเนินการใดๆ เพียงฝ่ายเดียว

อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังคงสร้างความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในยุโรป โดยคาดว่าบริษัทในยุโรปจะมีกำไรลดลง 3.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นผลงานที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 2 ปี ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย LSEG IBES
กลุ่มธนาคารปิดเพิ่มขึ้น 3.8%

ข้อมูลใหม่แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของธุรกิจในยูโรโซนชะงักในเดือนนี้ เนื่องจากกิจกรรมภาคบริการหดตัว และการผลิตยังคงชะลอตัว

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 62.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล