ดาวโจนส์ปิดร่วง 971 จุด วิตกทรัมป์เดินหน้ากดดันเฟด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 971 จุด วิตก “ทรัมป์” เดินหน้าโจมตีประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นักลงทุนวิตกความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ทั้งยังประเมินความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากร ไม่มีสัญญาณความคืบหน้าเจรจาการค้า ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลงกว่า 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” และตลาดหุ้นลอนดอน ปิดทำการเทศกาลอีสเตอร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 21 มษายน 2568 ปิดที่ 38,170.41 จุด ลดลง 971.82 จุด หรือ -2.48% จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าโจมตีประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ทำให้วิตกเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ขณะเดียวกัน นักลงทุนประเมินความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรที่เข้มงวดของสหรัฐฯ เนื่องจากไม่มีสัญญานความคืบหน้าในการเจรจาการค้า

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,158.20 จุด ลดลง 124.50 จุด, -2.36%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,870.90 จุด ลดลง 415.55 จุด, -2.55%

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกลุ่มMagnificent Seven ฉุดดัชนีหลักๆ ลง โดย หุ้นTesla ร่วงลง 5.8% หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 4% ขณะที่จีนหันไปหาทางเลือกภายในประเทศ ท่ามกลางมาตรการควบคุมการขายชิปของ Nvidia จากสหรัฐฯ หุ้น Amazon ร่วงลง 3% เช่นเดียวกับ Meta Platforms

ในกลุ่มอื่น หุ้น Caterpillar ร่วงลง 2.8%

ในโพสต์บน Truth Social ทรัมป์อ้างว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวเว้นแต่พาวเวลล์ จะลดอัตราดอกเบี้ยทันที ซึ่งมีทิศทางเดียวกับอีกโพสต์หนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ทรัมป์เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย และถึงกับแย้มถึงการปลดพาวเวลล์ ซึ่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว เควิน แฮสเซตต์ กล่าวว่าทีมของประธานาธิบดีกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่

แฮสเซตต์กล่าวว่า เขาต้องการดู การวิเคราะห์ทางกฎหมายใหม่ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าทรัมป์สามารถหรือควรปลดพาวเวลล์หรือไม่

การที่ทรัมป์หันมากดดันพาวเวลล์มีขึ้นหลังจากที่ประธานเฟดส่งคำเตือนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจ

เงินดอลลาร์ก็ได้รับแรงกดดัน โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ 6 สกุล ร่วงลงมากกว่า 1% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นเหนือ 4.4% อีกครั้ง

นักวิเคราะห์จาก Macquarie ระบุในบทวิเคราะห์วันจันทร์ว่า การถอนตัวจากดอลลาร์สหรัฐ เกิดจาก “ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด” และการไม่มีการประกาศถึงข้อตกลงการค้า ซึ่งส่งสัญญาณว่าการเจรจาเกี่ยวกับภาษีศุลกากรอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน

ไมเคิล กรีน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ Simplify Asset Management กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คือความตึงเครียดที่แฝงอยู่ระหว่างเฟดและฝ่ายบริหาร ตลาดตกอยู่ในสภาวะเดียวกับช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด ความไม่แน่นอนได้ส่งผลกระทบต่อการค้าอย่างมีนัยสำคัญ และคิดว่าคนส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางรูปแบบที่ออกมาเพื่อชดเชยผลกระทบของภาษีศุลกากร

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังลดลงเนื่องจากการขาดความคืบหน้าด้านการค้าโลก

ความตึงเครียดดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเมื่อจีนเตือนประเทศอื่นๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงใดๆ กับสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อจีน

ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน เมื่อทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ ดัชนี S&P 500 ลดลง 9% ดัชนี Nasdaq ลดลงเกือบ 10% และดัชนี Dow ลดลง 9.6%

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน จาก Tesla Alphabet Boeing Northrop Grumman Lockheed Martin และ 3M รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเมษายน จาก S&P Global จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายนจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นลอนดอน ปิดทำการวันจันทร์ (21 เม.ย.) เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.47% ปิดที่ 63.08ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 66.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล