4 โบรกฯ ตีมูลค่า APO ราคา 1.10 – 1.64 บาท

HoonSmart.com>>”เอเชียนน้ำมันปาล์ม”( APO) ได้ฤกษ์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 2 เม.ย.นี้ 4 โบรกเกอร์  บล.บียอนด์-บล.คิงส์ฟอร์ด-บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง-บล.กรุงศรี พัฒนสิน เคาะกรอบราคาเหมาะสมที่ 1.10 – 1.64 บาท มั่นใจศักยภาพธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โอกาสเติบโตสูง

บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม หรือ APO ดำเนินธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO)ในวันที่ 2 เม.ย.2567 หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO  จำนวน 100 ล้านหุ้น  ราคาหุ้นละ 0.99 บาทจากพาร์หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์  (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

บล.บียอนด์  ประเมินกำไรสุทธิปี 2566 ลดลง 53% เป็น 13 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของสภาพอากาศเอลนีโญ ก่อนกลับมาเติบโตดีในปี 2567 ประมาณ 321% เป็น 56 ล้านบาท ปัจจัยหนุนจาก 1. รายได้จากธุรกิจหลักกลับมาเติบโตดีตามแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก 2. รายได้จากธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก 400 KW เป็น 1 MW 3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายมีแนวโน้มลดลงจากระดับ 3.9% ในปี 2565 เป็น 2.9-3.0% ในปี 2567-2568 และ 4) ภาษีจ่ายที่ลดลงจากการได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน

ทั้งนี้ บริษัทกำหนดราคาเหมาะสมเท่ากับ 1.64 บาทต่อหุ้น ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ APO อิง PER ปี 2567 ที่ 10 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์มในตลาด

ด้านบล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง วิเคราะห์ว่า แผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยเพิ่มความสามารถการทำกำไร คาดการณ์กำไรต่อหุ้น ปี 2566-2569 จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 21.5% ต่อปี หลังจากระดมเงินไปลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรในกระบวนการผลิต คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี2568 ซึ่งจะช่วยลดอัตราสูญเสียของวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิต รวมถึงเพิ่มความสามารถการทำกำไร อีกทั้ง คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 32.6% ต่อปี ระหว่างปี 2566-2569จากการเร่งตัวของปริมาณจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ

ทั้งนี้ บริษัทประเมินมูลค่าเหมาะสมของ APO ที่ 1.50 บาท ด้วยวิธี Earnings Yield อิงประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2567 อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 8.0% ระดับราคาดังกล่าว เทียบเท่ากับPER ปีนี้ที่12.5 เท่า

บล.คิงส์ฟอร์ด วิเคราะห์ว่า APO มีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาลงทุนพัฒนาระบบการนึ่งแบบ Automation Phase 1 และ 2 จำนวน 68 ล้านบาท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ ลดการสูญเสีย และลดต้นทุนการผลิต คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 และจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป

นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 13.93 ล้านบาท ลดลง 50.69% จากความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบกับราคาทะลายปาล์มสดในบางช่วงเวลา ก่อนจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องเป็น 41.48 ล้านบาท และ 60.36 ล้านบาท ในปี 2567-2568 หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR ปี 2566-2568) 108.2%

ทั้งนี้ บริษัทประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2567 อิง PER 11.50 เท่า อยู่ที่ 1.40 บาท โดยเลือกใช้วิธี P/E ในการประเมินมูลค่าเหมาะสม เปรียบเทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับ APO ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่อยู่ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร อาทิ CPI LST UPOIC และ UVAN ซึ่งมีค่าเฉลี่ย PER ของ Peer ย้อนหลังในอดีต 3 ปีที่ 8.8 เท่า อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นของ APO มีโอกาสเติบโตในอัตราที่สูงกว่ากลุ่ม ด้วยสาเหตุหลักจากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน จึงประเมินมูลค่าโดยใช้ PER Multiple ที่ระดับ 11.50 เท่ำ (+1SD ของ Peer) ได้ราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ 1.40 บาท

บล.กรุงศรี พัฒนสิน วิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีทิศทางขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้กระทรวงเกษตรสหรัฐวางแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปปาล์มน้ำมันทั้งระบบ คาดว่าปี 2567  APO จะมีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112% จาก 16 ล้านบาท ในปี 2566  เนื่องจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงรายได้ขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การจัดหาผลปาล์มที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีผลปาล์มเข้าสู่โรงงานเพิ่มขึ้น 14% นอกจากนี้การจัดหาผลปาล์มผ่านโครงการ Asian Plus+ ที่ให้ราคาผลปาล์มสูงกว่าตลาดสำหรับผลปาล์มที่มีคุณภาพสูงและให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่ม 16% ขณะที่ราคาขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดขายเพิ่ม 25% ด้านโรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 400 KW เป็น 1 MW ตั้งแต่ไตรมาส 4/2566คาดว่ารายได้ค่าไฟจะเพิ่มจาก 6 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 22 ล้านบาทในปี 2567

ทั้งนี้ บริษัทประเมินมูลค่าพื้นฐานของ APO ปีนี้ที่ 1.10 บาท ด้วย P/E เป้าหมาย 10 เท่า (10% สูงกว่า ค่าเฉลี่ยกลุ่มน้ำมันปาล์มที่ 9 เท่า) ภายใต้แนวโน้มกำไรสุทธิฟื้นตัวโต 112% และกำไรต่อหุ้นหลังเพิ่มทุน เติบโต 81% ในปี 2567 เพราะคาดว่าปริมาณการขายและราคาขายน้ำมันปาล์มขยายตัว รวมทั้งโรงไฟฟ้า จากก๊าซมีการขยายกำลังการผลิต ซึ่งหากปริมาณการขายและราคาขายน้ำมันปาล์มสูงกว่าสมมติฐาน จะทำให้ประมาณการและราคาเป้าหมายสูงกว่าคาดการณ์เดิม