“มากุโระ” ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหุ้น ลุยขยายสาขา 14 ทองหล่อ

HoonSmart.com >>  “มากุโระ กรุ๊ป”  ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาด mai  ลุยขยายสาขาต่อเนื่อง เปิด “MAGURO” สาขา 14 กลางเมือง มาร์เช่ ทองหล่อ จัดเต็มวัตถุดิบพรีเมียม  พร้อม 10 เมนูพรีเมียม มั่นใจธุรกิจร้านอาหารโตแกร่ง 

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในขั้นตอนการยื่นไฟลิ่ง เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งช่วง 9 เดือนแรก/ 2566 บริษัท ฯ  มีรายได้รวม 767.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 58.73 ล้านบาท

สำหรับ มากุโระ กรุ๊ป  ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยม MAGURO และ ร้านชาบู ชาบู สุกียากี้ ต้นตำหรับ HITORI SHABU รวมถึงร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี SSAMTHING TOGETHER ภายใน 9 ปี มี 3 แบรนด์ รวม 26 สาขา ตอบรับฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ตอกย้ำความเป็น 1 ร้านอาหารญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Give More Culture” หรือ “การให้มากกว่าที่ขอ”

วันที่ 15 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา  “MAGURO”  เปิดสาขาใหม่ของ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่น วัตถุดิบพรีเมี่ยมที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น คัดสรรจากแหล่งดีที่สุด พร้อมบรรยากาศภายในร้านแบบ Modern Luxury Fine Dining สร้างประการณ์ความเรียบหรู แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นตลอดการทานมื้ออาหารของคุณ ที่มาร์เช่ ทองหล่อ พร้อมยกทัพเมนู Signature ขายดีประจำร้านมาเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็น 7 Oceans Sashimi, Salmon Engawa Roll, Shirauo Salad, Kaisen Don และอีกมากกว่า 200 เมนู พร้อม 10 เมนูพรีเมียม ที่มีเสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร    กล่าวว่า การเปิดสาขาใหม่ของ MAGURO ครั้งนี้ เป็นไปตามตามกลยุทธ์ Strategic Channel Expansion หรือ กลยุทธ์การขยายช่องทางการขาย โดยในปี 2566 ได้มีการขยายสาขาของ ทั้ง 3 แบรนด์ในเครืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัว HITORI SHABU ที่สาขา มาร์เช่ เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมาเช่นกัน  บริษัทฯ เล็งเห็นว่า จุดนี้ถือเป็นหนึ่งในทำเลทองและสามารถเดินทางมาได้สะดวก เนื่องจากตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ของมากุโระที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่ม Young Family ชอบร้านอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ บรรยากาศดีในราคาที่คุ้มค่า

นอกจากนี้ ร้านอาหารในเครือสามารถเลือกรับประทาน ได้ถึง 2 แบรนด์ในที่เดียว ทั้งยังตอบโจทย์ด้านการขนส่งวัตถุดิบจากครัวกลางและการควบคุมมาตรฐานวัตถุดิบอีกด้วย” “MAGURO สาขามาร์เช่ ทองหล่อ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โซน A มีความพิเศษคือ มี 10 เมนูพรีเมี่ยม ที่มีเสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น จาก Nodoguro และ Kinmedai ซึ่งเป็นวัตถุดิบหายาก และจัดเป็นปลาเนื้อขาวคุณภาพสูง ที่นุ่ม หวานเป็นธรรมชาติ ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น เมนูพิเศษนี้จะเสิร์ฟให้รับประทานถึงแค่วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่านั้น

ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ป ทั้ง 3 แบรนด์ ได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นรวมเป็น 26 สาขา คือ MAGURO
ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิ ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 14 สาขา, SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างเกาหลีเพิ่มเป็น 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซเพิ่มเป็น 6 สาขา โดยมีแผนตั้งเป้าจะขยายสาขาเพิ่มไปยังปริมณฑล ตอบรับแผนการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มตัวเลือกสาขาเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่กลุ่มลูกค้า

“ถึงแม้ว่าธุรกิจร้านอาหารยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่ร้านอาหารในเครือมากุโระ กรุ๊ป ทั้ง 3 แบรนด์  สร้างความโดดเด่น ด้วยความหลากหลายของประเภทอาหาร ทั้งรูปแบบ Fine Dining, ชาบู, สุกียากี้ และปิ้งย่าง รวมถึงคุณภาพของอาหาร ในราคาที่จับต้องได้ และแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวที่ดีในเรื่องของแผนการตลาดและการขยายกิจการตามแผนที่วางไว้” นายเอกฤกษ์ กล่าว