HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดดัชนี SET สัปดาห์นี้แกว่ง Sideway-Sideway up ในกรอบ 1,150-1,185 ท่ามกลางสงครามการค้าที่ไม่แน่นอนได้สะท้อนในราคาหุ้นพอสมควร เชื่อการยกเว้นภาษีตอบโต้ 90 วัน และแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยจากแบงก์ชาติ 0.25% จะช่วยคลายความกังวล พร้อมเชียร์ CPALL, GULF
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหว Sideway-Sideway up ในกรอบบริเวณ 1,150-1,185 ท่ามกลางสงครามการค้าที่ไม่แน่นอนได้สะท้อนในราคาหุ้นพอสมควร ดังนั้น เชื่อว่าภาพระยะกลาง การยกเว้นภาษีตอบโต้ 90 วัน และ แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 25bp ในมุมของจะยังเป็นปัจจัยที่ช่วยคลายความกังวล รอผลการเจรจาระหว่างทีมไทยแลนด์และสหรัฐ วันที่ 23 เม.ย. นี้
สำหรับสัปดาห์นี้ติดตาม
1) ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 (KKP, SCB วันจันทร์), BH (วันพฤหัสฯ) และ PTTEP (วันศุกร์)
2) ดัชนี PMI ล่วงสหรัฐเดือน เม.ย. (วันพุธ), ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (วันพฤหัสฯ) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย. (วันศุกร์), ตัวเลขส่งออก-นำเข้า (Custom) ไทย ตลาดคาดจะประกาศภายในสัปดาห์นี้
3) รายงานผลประกอบการกลุ่ม Magnificent 7 อย่าง Tesla (พรุ่งนี้) และ Google (พฤหัสฯ) ที่จะกระทบตลาดได้
สำหรับผลประกอบการกลุ่ม Bank และ Non-bank ในไตรมาส 1/2568 โดยภาพรวม NIM ลดลงจากการลดอัตราดอกเบี้ย และสินเชื่อที่เติบโตช้า ดังนี้
TTB มีกำไรสุทธิ 5.1 พันล้านบาท (-4.5% yoy, -0.3% qoq) มากกว่าคาด 23% จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองน้อยกว่าคาด โดยการเติบโตของสินเชื่อ -7.4% yoy และ -2.4% qoq ถูกกดดันจากสินเชื่อรถยนต์ (-2.2% qoq), สินเชื่อองค์กร (-3.8% qoq) และสินเชื่อ SME (-3.1% qoq) เนื่องจากมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นตั้งแต่ 2566
KTC มีกำไรสุทธิ 1.86 พันล้านบาท (+3.2% yoy, -2.8% qoq) เป็นไปตามที่คาด โดยการลดลง qoq มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง ทั้งนี้สินเชื่อ KTC มีการเติบโตที่ช้า (+1.7% yoy) มาจากสินเชื่อ credit card (+1.5% yoy) และสินเชื่อส่วนบุคคล (+5.2% yoy)
KTB มีกำไรสุทธิ 1.17 หมื่นล้านบาท (+0.3% yoy, +6.6% qoq) มากกว่าคาดไว้ที่ 7.2% ปัจจัยบวกจากการเติบโตรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย, ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยน้อยกว่าคาดโดยสินเชื่อ KTB มีการเติบโตช้า (+1.7% yoy, -1.3% qoq ในไตรมาส 1/2568
หุ้นแนะนำ CPALL เชื่อว่าจะมีกำไรปกติแข็งแกร่ง 6.9 พันล้านบาท (+14.5% yoy) ในไตรมาส 1/2568 ได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ขยายตัว ซึ่งมาจากยอดขายสินค้าประเภทอาหารพร้อมทานที่เพิ่มขึ้น คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะเพิ่มขึ้น +3% yoy สำหรับ 7-Eleven จากยอดซื้อต่อบิลและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/2568 (Take profit: 51.50 / Stop loss: 49.00)
GULF ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายธุรกิจ มีกำลังการผลิตที่มั่นคง โดย 74% มาจากโรงไฟฟ้า IPP ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายค่าไฟน้อยกว่า และความเสี่ยงต่ำโดยประมาณการกำไรสุทธิจะเติบโตด้วยเลขสองหลัก สำหรับปี 2568-2570 (Take profit: 49.00 / Stop loss: 46.00)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องในวัน Good Friday โดย DJIA (-2.66% wow), S&P500 (-1.5% wow) และ Nasdaq (-2.62% wow) ทั้งนี้การปรับตัวลดลงของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ในช่วงเช้านี้ยังคงสะท้อนภาพนักลงทุนที่ยังกังวลมาตรการของ Donald Trump ที่ยังไม่แน่นอนและอาจนำไปสู่การทำสงครามการค้ากับประเภทต่างๆ โดยเฉพาะจีน ซึ่ง ล่าสุดประเทศจีนพร้อมเจรจาประเด็นการค้า หากสหรัฐฯ ยอมทำตาม 3 เงื่อนไข
1) แสดงออกถึงความเคารพ
2) นโยบายการค้าที่แน่นอน และ
3) ประเด็นความมั่นคงอย่างไต้หวัน และมาตรการคว่ำบาตร
สำหรับสัญญาทองคำ COMEX (-0.54% dod, +2.58% wow) แม้จะได้แรงหนุนรายสัปดาห์จาก fund flow ที่ยังไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย และ การอ่อนค่าของ US dollar index แต่ท้ายสัปดาห์มีแรงเทขายหลังจาก Donald Trump ได้พบปะกับคณะผู้แทนญี่ปุ่นเกี่ยวกับภาษีศุลกากร อย่างไรก็ตาม ภายหลังการพบปะ ญี่ปุ่นยังคงโดนภาษีพื้นฐาน 10% และ จะมีการเจรจารอบสอง สิ้นเดือนนี้
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกในวันพฤหัสฯที่ผ่านมา (+2.47% dod, +4.08% wow) ได้แรงบวกมุมมอง supply ตลาดโลกจะตึงตัว หลังจากมาตรการคว่ำบัตรสหรัฐที่มุ่งเป้าไปยังการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
