บล.กสิกรฯให้แนวรับ1230 ลุ้นส่งออกพ.ย.-ฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,240 และ 1,230 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,275 และ 1,285 จุด เคลื่อนไหวตามตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.-ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ 31.30-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่งครั้งใหม่ผ่านแนว 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย  มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (22-26 ธ.ค. 2568) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,230 จุดขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,275 และ 1,285 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย. 2568 รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของอังกฤษตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น

สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นดีดตัวขึ้นในช่วงแรกสวนทางภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลง โดยหลักๆมีปัจจัยหนุนจากความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการเมืองหลังกกต.กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่ม นำโดยเทคโนโลยีและพลังงาน อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นย่อตัวลงในเวลาต่อมาท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ตามการปรับตัวลงของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯประกอบกับขาดปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุนตลาด ดัชนีหุ้นปรับตัวลงต่อหลังการประ  ชุมกนง.แม้กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ก็ได้ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจในปี 2569-2570 มีแนวโน้มชะลอลงซึ่งกระตุ้นแรงขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก

ในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,252.19 จุด ลดลง 0.15% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 34,035.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.59%  ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.57% ปิดที่ระดับ 212.85 จุด

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.30-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ท่าทีต่อสถานการณ์เงินบาทของทางการไทย ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย.ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลกรวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่งครั้งใหม่ผ่านแนว 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคและการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการลด
ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีหน้า อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ หลัง กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ระดับ1.25% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจพร้อมกับมีการระบุถึงการยกระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาทซึ่งแข็งค่าขึ้นตามการคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดและปัจจัยเฉพาะของไทย ขณะที่ดัชนีหุ้นปิดลบเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ ในระหว่างสัปดาห์ ธปท.ยังส่งสัญญาณติดตามธุรกรรมที่อาจส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อค่าเงินบาททั้งในส่วนของธุรกรรมทองคำในรูปแบบ Paper Trade สินทรัพย์ดิจิทัล และช่องทางอื่น ๆด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์และแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 4 ปีครึ่งครั้งใหม่ (นับตั้งแต่ 21 มิ.ย. 2564) ที่ 31.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีทิศทางชะลอลง [US CPI Inflation +2.7% YoY ในเดือนพ.ย.ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.1% และชะลอลงจากระดับ 3.0%ในเดือนก.ย.]ทำให้ตลาดยังคงให้ความสนใจไปที่โอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่สื่อสารไว้ใน DotPlot ในปี 2569

ในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 31.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.59 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 ธ.ค.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-19 ธ.ค. 2568 นั้นซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,266 ล้านบาทและมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,158 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 2,654 ล้านบาทและตราสารหนี้หมดอายุ 504 ล้านบาท)