อัพราคา PTTEP ปี 67 บล.ดีบีเอสฯ เคาะเป้าใหม่ 200 บาท

HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองหุ้น PTTEP ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์สูงขึ้น คาดปีนี้ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังไม่คลี่คลาย คาดอุปสงค์ส่วนเพิ่มน้ำมันดิบน้อยลงจากปีก่อน พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้น 7% หนุนราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 200 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คงคำแนะนำซื้อ PTTEP พร้อมปรับราคาพื้นฐานเป็น 200 บาท หลังจากปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 7% สะท้อนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ Brent ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาพื้นฐานที่ประเมินวิธี DCF เพิ่มเป็น 200 บาท (WACC : 11.69%, TG : 1%) เราชอบ PTTEP ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นโดยตรง และได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างพลังงานของรัฐบาลจำกัด

ราคาน้ำมันมันมี Upside หลังปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังไม่คลี่คลาย แม้คาดว่าอุปสงค์ส่วนเพิ่มของน้ำมันดิบปี 2567 น้อยลงเป็น 1.5-1.6 ล้านบาร์เรล/วัน จากปี 2566 ที่มีส่วนเพิ่ม 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน แต่มีหลายปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมัน ได้แก่

1. ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวผ่อนคลายลง หลังเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตแข็งแกร่ง และเฟดยังตรึงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์

2. ยังไม่มีสัญญาณว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางจะผ่อนคลายลง ล่าสุดยูเครนยิงโดรนโจมตีโรงกลั่นรัสเซีย ซึ่งประเมินกันว่าจะท าให้อุปทานน้ำมันลดลง 3-9 แสนบาร์เรล/วัน และปัญหาการเดินเรือในทะเลแดงยังคงมีอยู่

3. กลุ่มโอเปกพลัสขยายเวลาลดการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วันไปถึงสิ้นไตรมาส 2/67และอาจจะขยายต่อถึงสิ้นปีนี้

4. สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงต่อเนื่อง ปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2019-2023 แล้ว

DBS Group Research ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ Brent เฉลี่ยปีนี้ขึ้นเป็น 85 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในไตรมาส 1/67TD (จากเดิม 80 ดอลลาร์/บาร์เรล)

พร้อมคาด Norm profit ไตรมาส 1/67 ไว้ที่ 18.6 พันล้านบาท (-4%YoY, +2%QoQ) การลดลง YoY มาจากปริมาณขายลดลง (จากแหล่งมาเลเซีย) ราคาขายเฉลี่ยลดลง -3%YoY และ Unit cost เพิ่ม +7%YoY ส่วนการเพิ่ม QoQ เพราะราคาขายเฉลี่ย +1%QoQ และ Unit cost ลดลง -3%QoQ

ส่วนข้อพิพาทพื้นที่ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา (Overlapping Claims Area หรือ OCA) อาจเป็ นบวกในระยะยาว ทั้งนี้มีสัญญาณว่าการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชาเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ OCA มีความคืบหน้า แต่การเจรจามีความซับซ้อนเนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานของทั้งสองประเทศ จึงต้องใช้เวลาอีกพอควร ซึ่งหากการเจรจาประสบความสำเร็จ จะเปิดโอกาสทางธุรกิจกับ PTTEP ในฐานะผู้ดำเนินการหลักของไทยและมีโอกาสชนะการประมูลในพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ทับซ้อนกับแปลงสัมปทานเอราวัณที่ PTTEP ดำเนินการอยู่ ขณะเดียวกันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ระยะเวลาสำรวจและผลิตลดลง ประสิทธิภาพดำเนินงานสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาวของ PTTEP ด้วย