ดาวโจนส์ปิดลบ 155 จุด วิตกความไม่แน่นอนภาษีทรัมป์

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ร่วง 155 จุด นักลงทุนวิตกความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านหุ้นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและเฮลธ์แคร์ปรับตัวลดลง หลังยอดขายต่ำกว่าคาด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก จับตาแผนภาษีของสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 15เมษายน 2568 ปิดที่ 40,368.96 จุด ลดลง 155.83 จุด หรือ -0.38% จากความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ยังคงสูง และการลดลงของหุ้นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและเฮลธ์แคร์ ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาสแรกชุดล่าสุด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,396.63 จุด ลดลง 9.34 จุด, -0.17%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,823.17 จุด ลดลง 8.32 จุด, -0.05%

ตลาดปรับตัวลงจากที่ปรับขึ้นช่วงต้นสัปดาห์หลังประธานาธิบดีทรัมป์ผ่อนปรนให้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ทั้งสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ เนื่องจากยังกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลกและภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น จากการประกาศขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของทรัมป์เมื่อวันที่ 2 เมษายน และนักลงทุนไม่ให้ความสนใจกับเรื่องอื่นมากนัก

เอกสารที่ยื่นต่อ Federal Register เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทรัมป์ยังดำเนินการสอบสวนการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้

อย่างไรก็ตามผลประกอบการที่ดีของธนาคารช่วยหนุนตลาดบางส่วน โดยหุ้น Bank of America และ Citigroup พุ่งสูงขึ้น 3.6% และ 1.8% ตามลำดับหลังจากรายงานผลประกอบการดีกว่าคาด และทั้งกลุ่มธนาคารก็ปรับขึ้น

ดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งวัดความวิตกของนักลงทุนลดลงมาที่ 30 หลังจากที่แตะระดับสูงสุดที่ 60 ในสัปดาห์ก่อน

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารธนาคารเตือนว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ อาจมีความเสี่ยงสูงหากยังคงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Baird ในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ กล่าวว่า ผลประกอบการค่อนข้างดี แต่ตลาดยังคงถูกกดดันจากภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนด้านการค้า และ
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยเร่งที่มีความสำคัญในเวลานี้

ในกลุ่มธุรกิจเฮลธ์แคร์ หุ้น Johnson & Johnson ปิดตลาดลดลง 0.5% หลังจากบริษัทมียอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้รายรับและกำไรไตรมาสแรกจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม ส่วนหุ้นบริษัท Merck & Co ลดลง 1%

เมื่อวันอังคาร Barclays ได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์และยานพาหนะของสหรัฐฯ โดยระบุว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจกดดันรายได้ของผู้ผลิตรถยนต์ หุ้น Ford ปิดตลาดลดลง 2.7% หุ้น General Motors ลดลง 1.3% และดัชนีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 0.8%

บริษัทในดัชนี S&P 500 เพิ่งเริ่มรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม แต่การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้แนวโน้มไม่ชัดเจน และผู้บริหารอาจลังเลที่จะคาดการณ์เกี่ยวกับผลประกอบการ

หุ้นที่มีผลมากที่สุดต่อดัชนีดาวโจนส์คือ Boeing โดยหุ้นร่วงลง 2.4% หลังจากที่บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่าจีนได้สั่งสายการบินของจีนไม่ให้รับเครื่องบินโบอิ้งเพิ่มเติมอีก เพื่อตอบโต้การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 145%

นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดย United Airlines, Netflix และ Beyond กำหนดรายงาน

ตลาดยุโรปปิดบวก นักลงทุนกำลังจับตาแผนภาษีของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่หุ้นของ LVMH ร่วงลง หลังจากที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยมียอดขายต่ำกว่าที่คาดในไตรมาสแรก เนื่องจากยอดขายในสหรัฐฯ และจีนลดลง

ดัชนีตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ตลาดหุ้นอิตาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นแซงหน้าดัชนีอื่นโดยเพิ่มขึ้น 2.4%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 508.06 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด,+1.63%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,249.12 จุด เพิ่มขึ้น 114.78 จุด, +1.41%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,335.40 จุด เพิ่มขึ้น 62.28 จุด, +0.86%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,253.70 จุด เพิ่มขึ้น 298.87 จุด, +1.43%

หุ้น LVMH ร่วงลง 7.8% และกลุ่มสูญเสียตำแหน่งบริษัทสินค้าหรูที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในแง่ของมูลค่าตลาดให้กับคู่แข่งอย่าง Hermes

หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรูและความงามทั่วทั้งยุโรปได้รับผลกระทบหลังจากการรายงานผลประกอบการของ LVMH โดยChristian Dior จากฝรั่งเศส ลดลง 8.3% และPuig บริษัทความงาม ลดลง 4.4% ดัชนีหุ้นสินค้าหรูก็ลดลง 1.5% เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของตลาดยังคงเป็นบวก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่ากำลังพิจารณาปรับภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากต่างประเทศ 25% ที่เรียกเก็บจากเม็กซิโก แคนาดา และประเทศอื่นๆ ดัชนีรถยนต์และชิ้นส่วนเพิ่มขึ้น 2.3%

ริชาร์ด ฮันเตอร์ หัวหน้าฝ่ายตลาดของ Interactive Investor กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนที่มีมุมมองทางบวกเริ่มมีความหวังว่าการประกาศล่าสุดของทำเนียบขาวจะเป็นการลดมาตรการสุดโต่งที่ประกาศในตอนแรก แต่ตลาดก็ยังคงวิตกกังวล และมีแนวโน้มว่าจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป จนกว่าความไม่แน่นอนภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจจะเริ่มคลี่คลายลง

หุ้น BE Semiconductor Industries บริษัทบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงของเซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์พุ่งขึ้น 13.3% หลังจากที่ Applied Materials ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์ชิปคอมพิวเตอร์จากสหรัฐฯ ซื้อหุ้น 9% ในบริษัท

นักลงทุนกำลังรอผลประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีในเดือนเมษายนลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2022 อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 64.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 64.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–