คปภ.เปิด 7 กลยุทธ์หลัก ร่วมเอกชนพัฒนาประกัน

HoonSmart.com>>คปภ.เปิด 7 ผลการประชุม OIC Meets CEO 2024 ยกระดับและสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมประกันภัย

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานแถลงข่าว 7 ข้อสรุปผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) ร่วมกับ นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย และ ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ดังนี้

1. การพัฒนามาตรฐานและยกระดับบทบาทของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยและผู้สอบบัญชี  โดยจะมีการกำหนดให้บริษัทมีนโยบายการหมุนเวียนเปลี่ยนงาน (Job Rotation) ให้กับนักคณิตศาสตร์ประกันภัยในบริษัท และ/หรือมอบหมายให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยเป็นกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ของบริษัท เพื่อให้มีประสบการณ์ครบถ้วนในการทำงานในหน้าที่นักคณิตศาสตร์ประกันภัยแต่งตั้ง (Appointed Actuary) รวมถึงบริษัทประกันภัยจะสนับสนุนสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทยทั้งในด้านบุคลากรและงบประมาณ เพื่อช่วยยกระดับให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงาน จรรยาบรรณ และการพัฒนาทางวิชาชีพที่ต่อเนื่องและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

2.บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารบริษัท ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย โดยให้นำหลักการของร่างกฎหมายในเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อทราบ

 

3.การยกระดับการกำกับดูแล โดยใช้ข้อมูล Unaudited Data ผ่าน Company Management  Control โดยในที่ประชุมได้มีการกำหนดให้บริษัทประกันภัยจัดให้มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย และพร้อมให้สำนักงาน คปภ. เรียกดูข้อมูลภายในระยะเวลาและช่องทางที่กำหนด โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดและดำเนินการต่อไป ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะใช้อำนาจทางกฎหมายในการเรียกดูข้อมูลอย่างระมัดระวังและเท่าที่จำเป็น เพื่อใช้ในการติดตามบริษัทประกันภัยได้อย่างทันท่วงที

4.การยกระดับมาตรฐานการอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย โดยพัฒนารูปแบบการกำกับให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขันให้มากขึ้น ผ่อนคลายการกำกับอัตราเบี้ยประกันภัยให้มีความยืดหยุ่น การกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยมีความสอดคล้องกับต้นทุนและความเสี่ยงในการออกกรมธรรม์ประกันภัยมากขึ้น และปรับหลักเกณฑ์จาก Rules-Based Approach เป็น Principles-Based Approach และมุ่งเน้นไปที่การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ เพื่อทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลที่เพียงพอใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นให้บริษัทดำเนินการธุรกิจโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ 3 ข้อ ได้แก่ ผู้เอาประกันภัยจะต้องได้รับประโยชน์จากการทำประกันภัยและได้รับการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม บริษัทประกันภัยพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่นำออกจำหน่ายได้โดยคำนึงถึงความเสี่ยงทั้งหมดและต้องไม่ทำให้สถานะทางการเงินโดยรวมเสียหาย และธุรกิจประกันภัยคำนึงถึงความยั่งยืนของอุตสาหกรรมประกันภัยในระยะยาว โดยที่ประชุมเห็นชอบในหลักการผ่อนคลายการกำกับอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ซึ่งจะมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการร่วมกันในรายละเอียดต่อไป

 

5.การนำส่งข้อมูลในระบบฐานข้อมูลกลางด้านประกันภัย (Insurance Bureau System: IBS) โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานสถานะและปัญหาของการนำส่งข้อมูลในระบบ IBS Non-life และ IBS Life โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงาน สำหรับ IBS Life เพื่อศึกษารายละเอียดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

6.การพัฒนาแพลตฟอร์มระบบการให้บริการการออกใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัย/ผู้ประเมินวินาศภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Licensing) แบบครบวงจร ซึ่งได้มีการรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมรับทราบถึงแพลตฟอร์มดังกล่าว

ทั้งนี้ ระบบ E-Licensing อยู่ในระยะแรกของการใช้งาน ภาคธุรกิจสามารถแจ้งผลการใช้งานระบบต่อสำนักงาน คปภ. เพื่อรวบรวมปัญหาและพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น

7.แนวทางการกำกับการลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัทประกันภัย โดยที่ประชุมรับทราบแนวทางการกำกับการลงทุนดังกล่าว และกรอบระยะเวลาในการพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มของธุรกิจประกันภัย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจประกันภัยไทยไปพร้อม ๆ กับการคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risk) เป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะยึด 7 แนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม