“วินด์ เอนเนอร์ยี่” เปิดหมดเปลือกเจ้าของหุ้นตัวจริง

 

HoonSmart.com >> “วินด์ เอนเนอร์ยี่ ฯ ” เปิดหมดเปลือก โครงสร้างผู้ถือหุ้น และเจ้าของหุ้นตัวจริง เผยคนนอกวุ่นวายกันเอง ขณะที่บริษัทฯ ยังโตแกร่ง ผลดำเนินงานปี 2566 รายได้เกิน 10,000 ล้านบาท กำไร 5,800 ล้านบาท 

ณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH)  เปิดเผยว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้น WEH ปัจจุบันแข็งแกร่ง ต่อเนื่อง ทิศทางการบริหารงานเป็นเอกภาพ กรรมการบริษัทฯ ทุกคนดำรงตำแหน่งเป็นเวลาต่อเนื่อง

ส่วนข้อพิพาทระหว่างบุคคลภายนอก ที่พาดพิงบริษัทฯ ได้รับการตัดสินจากศาลหรือมีข้อสรุปทางคดีทั้งหมดแล้ว โดยตราสารการโอนหุ้น ตลอด 15 ปี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ จนถึงปัจจุบัน เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกฉบับ จากการประเมินของฝ่ายกฎหมายไม่พบปัจจัยใด ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นไปอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจุบัน

สำหรับหุ้น WEH ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ ปี 2552  ผู้ถือหุ้นแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 บริษัท REC ของกลุ่มนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ถือหุ้น WEH 59.46% ก่อนจะเปลี่ยนมือมาเป็นบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย)  หรือ KPNET ในปี 2558 และเปลี่ยนมือมายัง นายเกษม ณรงค์เดช  ปี 2559

ปัจจุบัน (ข้อมูลวันที่ 29 ม.ค.2567) ถือครองโดยบริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด (GML) สัดส่วน 37.87% นายประเดช กิตติอิสรานนท์ สัดส่วน 11.81% อดีตผู้บริหารของบริษัทฯ สัดส่วน 3.75% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 36 ราย รวม 6.03%

กลุ่มที่ 2 สัดส่วน 40.54% เดิมถือครองโดยกลุ่มกิตติอิสรานนท์ มีการเปลี่ยนมือกันตามปกติ ไม่มีข้อพิพาทใด ๆ ปัจจุบัน (ข้อมูลวันที่ 29 ม.ค.2567) ถือครองโดยบริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน จำกัด สัดส่วน 26.65% บริษัท ณุศาศิริ (NUSA) ถือหุ้น สัดส่วน 7.12% บริษัท เด็มโก้ (DEMCO)  ถือหุ้น 3.87% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 91 ราย ถือหุ้น 2.90%

ณัฏฐ์ธฤต อยู่ดี

เปิด 3 กลุ่มเหตุการณ์ข้อพิพาทระหว่างบุคคลภายนอก ทุกเหตุการณ์นิ่งแล้ว

นายณัฏฐ์ธฤต อยู่ดี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย WEH กล่าวว่า ยอมรับว่าข้อพิพาทของบุคคลภายนอก ที่พาดพิงถึงบริษัทฯ อยู่บ่อยครั้ง เป็นข่าวใหญ่มาตลอด เพราะเป็นเรื่องของบุคคลผู้มีชื่อเสียง แต่เป็นประเด็นพาดพิงเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ 1 เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ และไม่เกี่ยวข้องการดำเนินการหรือมีผลผูกพันใด ๆ กับบริษัทฯ

ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมาย ได้ติดตามกลุ่มเหตุการณ์ข้อพิพาทของบุคคลภายนอกที่พาดพิงบริษัทฯ ทั้งหมด แบ่งเป็น 3 กลุ่มเหตุการณ์ และประเมินผลกระทบเป็นระยะ ขณะนี้ภาพรวมทุกกลุ่มเหตุการณ์นิ่งหมดแล้ว และไม่มีผลกระทบกับบริษัทฯ
มีเพียงคำสั่งศาลให้ปฏิบัติตามในฐานะนายทะเบียนบ้างเท่านั้น

รายละเอียดกลุ่มเหตุการณ์ข้อพิพาทบุคคลภายนอก ต่อหุ้นกลุ่มที่ 1 ดังนี้

กลุ่มเหตุการณ์ที่ 1 ข้อพิพาทบุคคลภายนอก เรื่องการชำระเงินซื้อขายบริษัท REC ระหว่างปี 2558 – 2560 ซึ่งนายนพพร ได้ขายบริษัท REC (ถือครองหุ้น WEH 59.46%) ให้กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช และเปลี่ยนชื่อจาก REC เป็น KPNET
แต่เกิดข้อพิพาทการชำระเงินซื้อขาย REC นำไปสู่คดีความระหว่าง 2 ฝ่าย ในฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ และไทย

ปี 2559 ที่อยู่ระหว่างข้อพิพาทการชำระเงิน REC บริษัท KPNET ได้โอนหุ้น WEH ทั้งหมด ไปยังผู้รับโอน ชื่อนายเกษม ณรงค์เดช และจากนายเกษม มีการโอนหุ้นออกไปยังผู้รับโอนอื่น ๆ อีกหลายทอด เหตุการณ์นี้ ทำให้กลุ่มนายนพพร ฟ้องร้องเป็นคดีสมคบคิดต่อศาลอังกฤษ และฟ้องร้องคดีโกงเจ้าหนี้ต่อศาลไทย สถานะปัจจุบัน ทั้ง 2 คดี
ได้รับการตัดสินแล้ว

ศาลอังกฤษ ตัดสินให้นายนพพร ได้รับชำระเงินค่าเสียหายรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนศาลไทย ตัดสินยกฟ้องคดีโกงเจ้าหนี้  ซึ่งทั้ง 2 คดีดังกล่าว ไม่มีผลผูกพันใด ๆ กับบริษัทฯ เพราะไม่มีความเกี่ยวข้อง

กลุ่มเหตุการณ์ที่ 2 ข้อพิพาทบุคคลภายนอก คดีแพ่งและคดีอาญา ที่นายเกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ในคดีแพ่ง และโจทก์ร่วมคดีอาญา ฟ้องบุคคลภายนอกอื่น ๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ

กลุ่มเหตุการณ์นี้ เกิดช่วงปี 2561 หลังจากนายเกษม ตกเป็นจำเลยร่วมในคดีสมคบคิดในศาลอังกฤษ และคดีโกงเจ้าหนี้ในศาลไทย เพราะมีชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นมาจาก KPNET

ต่อมาในปี 2562 นายเกษมได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง พ.1031/2562 เรียกทรัพย์คืน โดยมีหุ้น WEH เป็น 1 ในรายการตามคำขอ สถานะปัจจุบันคดีสิ้นสุด เพราะโจทก์ถอนฟ้อง

คดีแพ่งที่ยังมีผลอยู่ปัจจุบัน คือ คดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.978/2565 ที่นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และนายกรณ์ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องเรียกหุ้น WEH คืนจาก GML จำนวน 31 ล้านหุ้น จากทั้งหมดที่ GML ถือครอง 41 ล้านหุ้น (GML ถือครองหุ้น WEH ในสัดส่วน 37.87% ) สถานะปัจจุบัน ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้จำหน่ายจ่ายโอน
และให้อายัดเงินปันผลหุ้น WEH ที่ GML ถือครองอยู่ 37.87%ทั้งหมด  

ศาลสั่งให้บริษัทฯ นำเงินปันผลทั้งหมดของ GML ไปวางไว้ที่ศาลตามคำสั่งคุ้มครอง จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ นำเงินปันผลส่วนนี้ ไปวางไว้ที่ศาลแล้วรวมประมาณ 2,700 ล้านบาท

คดีสุดท้ายของกลุ่มนี้ คือ คดีอาญา ที่อัยการและนายเกษม เป็นโจทก์ร่วมฟ้องคดี ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร คดีหมายเลขดำที่ อ.1708/2564 (หมายเลขแดงที่ อ.1753/2566) ยื่นฟ้องปี 2564

สถานะปัจจุบันศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยทั้งหมด แต่มีคำพิพากษาว่า ลายเซ็นนายเกษมในเอกสาร 5 รายการ เป็นลายเซ็นปลอม จึงมีคำสั่งให้ริบเอกสารทั้ง 5 รายการ

มีเอกสารรายการเดียวเท่านั้น ที่กล่าวถึงบริษัทฯ คือ สัญญาซื้อขายหุ้น WEH ระหว่างนายเกษม กับ KPNET เป็นสัญญาระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นเอกสารคนละฉบับกับตราสารการโอนหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นการโอนหุ้นระหว่างนายเกษม กับ KPNET จึงมีผลสมบูรณ์ด้วยกฎหมาย

กลุ่มเหตุการณ์ที่ 3 ข้อพิพาทบุคคลภายนอก ที่ KPNET อาศัยคำพิพากษาคดีอาญาปลอมแปลงเอกสาร หมายเลขแดงที่ อ.1753/2566 เพื่ออ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้น WEH

สำหรับ KPNET สถานะปัจจุบันเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับบริษัทฯ เพราะไม่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และในบอจ.5 แต่หลังคำตัดสินคดีอาญาปลอมเอกสาร KPNET ได้อาศัยคำพิพากษาคดีดังกล่าว อ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้น WEH
และไปจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น WEH เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการคัดค้านต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

สถานะล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำหนังสือลงวันที่ 27 ก.พ.2567 ระบุชัดเจนว่า KPNET ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น WEH เพราะคำพิพากษาคดีอาญา วินิจฉัยเฉพาะสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นเอกสารปลอม ซึ่งเป็นเอกสารคนละชนิดกับตราสารการโอนหุ้น เป็นนิติกรรมคนละประเภท การอ้างว่าสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นโมฆะ ทำให้ตราสารการโอนเป็นโมฆะและเสียเปล่า จึงไม่อาจรับฟังได้

นายณัฏฐ์ธฤต กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับหุ้น WEH กลุ่มที่ 2 สัดส่วน 40.54% ที่ บริษัท ณุศาศิริ  (NUSA) ถือครองสัดส่วน 7.12% ได้มาจากการซื้อขายชำระเงินโดยวิธีการแลกหุ้น (Share Swap) จากผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่ 2 ซึ่งไม่ได้มีปัญหาใด ๆ การทำธุรกรรมสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย

” วินด์ เอนเนอร์ยี่ ไม่มีความหนักใจใด ๆ ในคดีที่ NUSA ยื่นต่อศาล ขอเพิกถอนธุรกรรมแลกหุ้นทั้งหมด เพราะ NUSA
ไปอ้างคำตัดสินคดีอาญา(คดีปลอมเอกสาร) ของหุ้นกลุ่มที่ 1 ที่ไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ซึ่งข้อเท็จจริง
และเอกสารหลักฐานทั้งหมด มีความชัดเจนในตัวเอง พร้อมนำเสนอต่อศาลอยู่แล้ว” ผอ.การฝ่ายกฎหมายวินด์ ฯ กล่าว

ด้านผลดำเนินงาน WEH ปี 2566 ที่ผ่านมา รายได้เกิน 10,000 ล้านบาท , กำไรสุทธิกว่า 5,800 ล้านบาท