HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดพุ่ง ดาวโจนส์ทะยาน 2,962.86 จุด +7.87% ดัชนี S&P 500 +9.52% และ Nasdaq +12.16% หลังทรัมป์ระงับเก็บภาษีจากหลายประเทศทั่วโลก 90 วัน แต่เพิ่มเก็บภาษีจีนมากขึ้น หลังจีนตอบโต้กลับ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” พุ่งกว่า 4% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 9เมษายน 2568 ปิดที่ 40,608.45 จุด เพิ่มขึ้น 2,962.86 จุด หรือ +7.87% จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศทั่วโลกเป็นเวลา 90 วัน แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนมากขึ้น
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,456.90 จุด เพิ่มขึ้น 474.13 จุด, +9.52%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,124.97 จุด เพิ่มขึ้น 1,857.06 จุด, +12.16%
ตลาดที่อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากทั่วโลก ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นกว่า 9.5% ถือเป็นวันที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นถึง 12% ถือเป็นวันที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่มีการบันทึกไว้ และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001
ปริมาณการซื้อขายมีจำนวนราว 30,000 ล้านหุ้น เป็นวันที่มีการซื้อขายหุ้นมากที่สุดบนวอลล์สตรีทในประวัติศาสตร์ ตามบันทึกที่ย้อนหลังไป 18 ปี
ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัว ว่า “ผมอนุญาตให้ระงับชั่วคราว 90 วัน และลดภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ลงอย่างมากเป็น 10% ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยจะมีผลบังคับใช้ทันที” และในโพสต์เดียวกันยังระบุว่า สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกเป็น 125%
ต่อมา รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ ชี้แจงว่า ประเทศต่างๆ ยกเว้นจีน จะกลับไปใช้ภาษีพื้นฐาน 10% ลดลงจากอัตราที่สูงกว่านี้ซึ่งทำให้ตลาดช็อค เนื่องจากการเจรจาเกิดขึ้น การระงับใช้ภาษีนี้จะไม่มีผลกับภาษีของแต่ละภาคอุตสาหกรรม
คำประกาศระงับใช้ภาษีของทรัมป์ออกมาเมื่อเวลา 13.18 น. ตามเวลาสหรัฐ เมื่อดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 350 จุด ไม่กี่วินาทีต่อมา ดัชนีดาวโจนส์ก็พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 2,000 จุด
ในการแถลงข่าวช่วงบ่าย ทรัมป์กล่าวว่านักลงทุนกังวลมากเกินไป เมื่อถามถึงการระงับใช้ภาษี ทรัมป์พยักหน้ายอมรับว่า ตลาดหุ้นและพันธบัตรที่ “ย่ำแย่” เป็นปัจจัยในการตัดสินใจ
ทรัมป์กล่าวว่า “ผมคิดว่าคนกำลังกระโดดข้ามเส้นไปเล็กน้อย” นอกจากนี้ เขายังดูเหมือนจะยินดีกับการแกว่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาด โดยเรียกวันนี้ว่า “วันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงิน”
หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างหนักมีส่วนต่ออย่างมากในการฟื้นตัวในช่วงบ่ายวันพุธ โดยหุ้น Apple และ Nvidia พุ่งขึ้นมากกว่า 15% และเกือบ 19% ตามลำดับ หุ้น Walmart พุ่งขึ้น 9.6% หุ้น Tesla พุ่งขึ้นกว่า 22%
ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปียังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขยับขึ้นมาใกล้ 4.4%
อดัม ไครซาฟูลลี ผู้ก่อตั้ง Vital Knowledge กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากราคาหุ้นและความเชื่อมั่นที่ตกต่ำ การระงับ 90 วันได้ทำให้เกิดการฟื้นตัวอย่างรุนแรง และการชะลอในการบังคับใช้ช่วยขจัดอุปสรรคขนาดใหญ่จากตลาดได้อย่างแน่นอน แต่ภาษีศุลกากรจะไม่หายไป อัตราภาษีศุลกากรของจีนตอนนี้อยู่ที่ระดับเลขสามหลัก และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก 90 วันข้างหน้าเมื่อสิ้นสุดการระงับใช้
ก่อนที่จะมีการประกาศระงับใช้ภาษีเป็นเวลา 90 วัน นักลงทุนต่างก็วิตกกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้กันระหว่างจีนและทรัมป์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจีนได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐเป็น84% และมีผลในวันพฤหัสบดี อีกทั้งสหภาพยุโรปยังได้อนุมัติการเก็บภาษีศุลกากรชุดแรกต่อสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 15 เมษายนด้วย
อย่างไรก็ตาม หุ้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วงบ่าย นักลงทุนรู้สึกมีกำลังใจหลังจากที่เบสเซนต์กล่าวว่าเขาจะรับบทบาทนำในการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร และหลังจากตลาดเปิดทำการไม่นานประธานาธิบดีทรัมป์ยังเรียกร้องนักลงทุนในโพสต์บน Truth Socialว่าตอนนี้เป็น “เวลาที่ดีในการซื้อ”
นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมีนาคม และผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ ทั้ง JPMorgan Morgan Stanley และ Wells Fargo ในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินสัญญาณภาวะเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 เนื่องจากสหภาพยุโรปและจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯสูงขึ้น ส่งผลให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีความรุนแรงขึ้น
หุ้นในดัชนี Stoxx 600 ประมาณ 97% ลดลง หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงมากที่สุด
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 469.89 จุด ลดลง 17.02 จุด, -3.50%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,679.48 จุด ลดลง 231.05 จุด, -2.92%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,863.02 จุด ลดลง 237.40 จุด, -3.34%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,670.88 จุด ลดลง 609.38 จุด, -3.00%
สหภาพยุโรปอนุมัติเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 21,000 ล้านยูโร (23,200 ล้านดอลลาร์) เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหภาพยุโรปเป็น 25% ที่ทรัมป์เรียกเก็บเมื่อเดือนที่แล้ว จีนประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% จาก 34% โดยจะมีผลในวันที่ 10 เมษายน
สินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากสหภาพยุโรปจะถูกเรียกเก็บภาษี 20% ตามอัตราภาษีล่าสุด ขณะที่การเรียกเก็บภาษีจากจีนล่าสุดของทรัมป์ทำให้อัตราภาษีรวมที่ประกาศในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 104%
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง 5.8% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 หุ้นบริษัทผลิตยาในยุโรปตกหลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่า “จะมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่” ต่ออุตสาหกรรมนี้ในเร็วๆ นี้ หุ้นของ Novo Nordisk A/S ร่วงลง 6.9% หุ้นของ Novartis AG ร่วงลง 6.4% และหุ้นของ Roche Holding AG ร่วงลง 5.8%
สงครามการค้าดึงดูดความสนใจของนักลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ตลาดไม่ได้ตื่นเต้นกับข่าวที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเยอรมนีสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับพรรคโซเชียลเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายกลางซ้ายได้สำเร็จ หลังจากต่อรองกันมานานหลายสัปดาห์ ในร่างนโยบายต่างๆ มากมายเพื่อฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะงักงัน
หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง 3.1% นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
ผู้กำหนดนโยบายกล่าวว่า ECB พร้อมที่จะรักษาเสถียรภาพทางการเงินในกรณีที่ตลาดผันผวนเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวก็เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นต่อการเติบโตของยูโรโซน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วง 5% หลังราคาน้ำมันดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วง 3.7% จากความกังวลว่าความต้องการจากจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ของโลกจะชะลอตัว
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 2.77 ดอลลาร์ หรือ 4.65% ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 2.66 ดอลลาร์ หรือ 4.23% ปิดที่ 65.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
