HoonSmart.com>>วันแรกห้ามชอร์ตเซล ลดซิลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นเหลือ 15% พบบล.เกียรตินาคินภัทร มาร์เก็ตแชร์หายไปครึ่งหนึ่ง เหลือ 10% จากที่กอดสูงกว่า 20% เป็นแชมป์มานาน ถูกบล.เคจีไอแซงหน้า นักลงทุนบุคคลเทรดสนั่นกว่า 40% ด้าน”อัสสเดช”ลั่นพร้อมออกมาตรการเพิ่มหากยังไม่ดีขึ้น ด้านหุ้นไทยวันนี้แกร่ง เช้าร่วงบ่ายเด้งรวม 32 จุด ปิดบวก 1.26%สวนทางหลายตลาดภูมิภาค เงินบาทแข็ง แต่ยังไม่น่าไว้วางใจ จีนตอบโต้สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าอีก 50% รวมเป็น 84%
ตลาดหุ้นไทยวันแรกของการห้ามชอร์ตเซล ลดซิลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นจาก 30% เหลือ 15% ทุบดัชนีหุ้นปิดที่1,074.59 จุด ลดลง 50.62 จุด หรือ 4.50% โดยโบรกเกอร์เบอร์หนึ่ง บล.เกียรตินาคินภัทรกลับมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ลดฮวบเหลือ 10.03% หายไปครึ่งหนึ่ง จากที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงลิ่วมากกว่า 20% มานาน ไม่ว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นจะดีหรือย่ำแย่แค่ไหน โดยบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) แซงขึ้นเป็นเบอร์1 ส่วนแบ่งตลาด 11.04 %ใกล้เคียงกับที่ทำได้ที่ผ่านมา
” วันแรกที่ห้ามชอร์ตเซลหุ้น น่าสนใจ นักลงทุนไทยรายบุคคลซื้อสุทธิ 7,341 ล้านบาท สัดส่วนซื้อพุ่งขึ้นเป็น 42.44% หลังจากที่หายไปนานเทรดแค่ 10-20% ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายมากที่สุดถึง -4,768.78 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติทิ้ง-2,475.94 ล้านบาท ต้องจับตาว่าการห้ามชอร์ตเซลวันที่สอง มาร์เก็ตแชร์ของบล.เกียรตินาคินภัทร จะเหลือเท่าไรหรือกลับมาสูงกว่า 20% เหมือนที่ผ่านมาได้หรือไม่”
ตลาดหุ้นวันที่ 9 เม.ย. 2568 ดัชนีหุ้นร่วงแรงในภาคเช้า 12 จุด บ่ายเด้งกลับแรงเฉียด 20 จุด ปิดบวก 13.59 จุดหรือ +1.26%ที่ระดับ 1,088.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,942.48 ล้านบาท โดยถาบันขายสุทธิ 347.48 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 410.53 ล้านบาท และนักลงทุนไทยซื้อ 221.54 ล้านบาท
ส่วนค่าเงินบาทภาคเช้าอ่อนตัวลงแรง 34.91 บาท/ดอลลาร์ แต่กลับปิด 34.57 แข็งค่าสุดในภูมิภาค
สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาค ญี่ปุ่น -3.93% ฮ่องกง +0.68%จีน + 1.31% ส่วนตลาดหุ้นยุโรป -3.26% รมว.คลังจีนตอบโต้สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าอีก 50% รวมเป็น 84%มีผล 10 เม.ย.หลังจากสหรัฐตอบโต้จีนหนักหน่วง สั่งขึ้นภาษีเป็น 104%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายนี้รีบาวด์ขึ้นมาได้จากแรงเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมาก Valuation ไม่แพง ทั้ง GULF ,CPALL รวมถึงหุ้นในกลุ่มเนื้อสัตว์ จากราคาหมูยังสวย และสินค้าเกษตรปรับตัวลงไปมาก รวมไปถึงกลุ่มธนาคารก็มีแรงเก็งกำไร เป็นต้น
ทางด้านนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังสิ้นสุดระยะเวลาการห้ามชอร์ตเซล และ ซิลลิ่ง-ฟลอร์ 15% ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ บอร์ดมีความพร้อมที่จะพิจารณานำเกณฑ์อื่นมาใช้เพื่อรองรับความผันผวนของตลาด หากต้องเผชิญกับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
สำหรับผลของการใช้ซิลลิ่ง-ฟลอร์ 15% พบว่า SET ร่วงไป 4.5% และหุ้นในกลุ่ม SET100 มีเพียง 2 หุ้นที่มารอแตะฟลอร์เท่านั้น ถ้าไม่มีเกณฑ์ใหม่นี้ก็อาจจะลงแค่นี้เหมือนกัน
นอกจากนี้กระแสเรื่องกองทุนวายุภักษ์ขายหุ้นทิ้งในช่วงนี้ นายอัสสเดชยืนยันว่าไม่มีการขายหุ้นออกมา ด้วยกฏ ACR (Asset Coverage Raio) ยังอยู่อีกห่างไกล จากวันนี้ลงไป 20% ถึงจะมีผลกระทบ นอกจากนี้ มาตรการตลาดจะมีการวิเคราะห์ข้อมูลให้ดี และเป็นจริงด้วย ณ วันนี้ตลาดทั่วโลก Sensitive มากกับข้อมูล จะต้องตั้งสติก่อน มีการวิเคราะห์ข้อมูล ข้อดีของตลาดหุ้นไทยคือ ข่าวในประเทศนิ่ง และหุ้นลงมามากแล้ว ดูได้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวกระทบตลาดน้อย แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยังแข็งแรง แค่นักลงทุนอาจอยู่ในพื้นฐานที่อยากให้เติบโตกว่านี้
“ทุกวิกฤตสร้างแรงกดดันให้เราปรับปรุงตัวเอง ทุกวันนี้บริษัทจดทะเบียนต้องคิดแล้ว สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างความผันผวนแบบนี้ เขาจะทำยังไง”
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 2- 8 เม.ย.2568 หุ้นไทยปรับตัวลงไป 8.4% ถือว่าไม่กระเทือนมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเวียดนามที่ -14% ส่วนประเทศที่ไม่ค้าขายกับสหรัฐฯก็จะปรับตัวลงน้อย ตอนนี้ยังต้องติดตามดูมาตรการภาษีฯของ”ทรัมป์”ต่อไป