“คิงส์ฟอร์ด”วางแนวรับ 1,046–1,068 จุด แนะพักเงินในหุ้นกลุ่มปลอดภัย

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินตลาดหุ้นเปิดซื้อขายวันแรกหลังหยุดยาว แนวรับดัชนี SET ที่ 1,046 – 1,068 จุด ตามดัชนีภูมิภาควานนี้ปรับลดลง 5 – 7% กังวลสงครามการค้าหลังทรัมป์ขึ้นภาษีแรง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับซิลลิ่ง & ฟลอร์ จาก 30% เหลือ 15% ห้ามชอร์ตเซลชั่วคราว มีผลวันนี้ แนะนำพักเงินในหุ้นกลุ่มปลอดภัย CPALL,CPAXT,BJC,BH,BDMS เสิร์ฟหุ้นเด่น GFPT, KLINIQ

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,046 – 1,068 จุด ตามดัชนีภูมิภาควานนี้ปรับลดลง 5 – 7% หลังสหรัฐเก็บภาษีศุลกากรไทยที่ 37% โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับของไทยในปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 18% ซึ่งอาจส่งผลให้ GDP ไทยปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าระดับ 2% แนะนำพักเงินในหุ้นกลุ่มปลอดภัย CPALL,CPAXT,BJC,BH,BDMS

ล่าสุดคณะทำงานของรัฐบาลไทยได้เดินทางไปสหรัฐ เพื่อเจรจาสั่งซื้อสินค้าเกษตร, พลังงาน, เครื่องบินจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับไทย สำหรับมาตรการลดความผันผวนตลาดหุ้นไทยนั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับ Ceiling & Floor ของหุ้น/หน่วยลงทุน / TFEX จากเดิม +/-30% อยู่ที่ +/-15% , ปรับลดกรอบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์จากเดิม +/-10% อยู่ที่ +/-5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น และห้ามชอร์ตเซลทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยกเว้น Market Maker โดยมีผลตังแต่ 8 เม.ย.

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ DJIA -0.91%, S&P500 -0.23%, Nasdaq +0.10% จากแรงขายกลุ่มอสังหา -2.4%, วัสดุ -1.65% ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร +1.03%, เทคโนโลยี +0.32% หลังมีข่าวจะชะลอการใช้มาตรการปรับขึ้นภาษีออกไป 90 วัน แต่ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว และประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะปรับขึ้นภาษีจีนอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิกมาตรการตอบโต้สหรัฐในวันพรุ่งนี้

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -4.5% นำโดย DAX -4.3% และเข้าสู่ภาวะตลาดหมี จากแรงขายกลุ่มอุตสหากรรม, ธนาคาร และกลุ่มผู้ผลิตอาวุธ

หุ้นเด่นแนะนำ GFPT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.90 บาท) ได้ Sentiment บวกเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ แนวคิดการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อรับมือภาษีศุลกากรตอบโต้มองว่าดี

ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในประเทศซีกโลกเหนือและประเด็นสงครามการค้า ส่งผลบวกต่อผู้ส่งออกไก่ไทยมีโอกาสขายมากขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในตลาดโลก เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน แนวโน้มผลประกอบการ 1Q68 คาดกำไรเพิ่ม QoQ หนุนจากราคาเนื้อไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงหนุน margin ขยายตัว ส่วนแบ่งกำไรจาก McKey และ GFN จะฟื้นตัว ส่วนภาพรวมปี 68 เบื้องต้นตลาดคาดกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน +15%YoY

หุ้น KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40.75 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 99 ล้านบาท (+26.69%YoY, +33.38%QoQ) เติบโตได้เด่นตามรายได้ที่อยู่ที่ 844 ล้านบาท (+31%YoY, +13%QoQ) หนุนจาก SSSG +13.1%YoY รวมถึงจำนวนสาขาที่สูงขึ้น 17 สาขา

ทั้งนี้ เห็นสัญญาณที่ดีจากแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสาขาใหม่ๆที่เปิดอย่าง aggressive ในช่วง 9M67(ราว14สาขา) มีน้ำหนักน้อยลงแล้ว รายได้สามารถโตทันต้นทุนค้าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ ทั้งนีในปี68 คาด KLINIQ จะเปิดสาขาใหม่อีก 10 สาขา ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิ ปี 68 และ ปี69 ของ KLINIQ อยู่ที่ระดับ 383 ล้านบาท ( +18.79%YoY) และ 455 ล้านบาท (+18.93%YoY) ตามลำดับ

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–