ราคาน้ำมัน WTI ลดลง หลังจากสหรัฐเปิดสต็อกพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี เจพีมอร์แกนปรับลดคาดการณ์ราคาเบรนท์ปีหน้าอยู่ที่ 73 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมคาดไว้ 83.50 ดอลลาร์ และปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 64 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี การคาดการณ์ที่ว่า การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนธันวาคม จะปรับลดกำลังการผลิต ช่วยจำกัดการปรับตัวของราคาน้ำมัน
ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า อย่างไรก็ดี ในการซื้อขายผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ ณ เวลา 20.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ของตลาด NYMEX ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 54.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 446.91 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนับว่าสูงสุดตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว สวนทางสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐยังคงอยู่ที่ระดับ 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทางด้าน บริษัท เจพีมอร์แกนประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2562 จะอยู่ที่เฉลี่ย 73 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 83.50 ดอลลาร์ ส่วนในปี 2563 คาดว่าราคาเฉลี่ย 64 ดอลลาร์/บาร์เรล การปรับลดราคาคาดการณ์ สาเหตุมาจากการที่กลุ่มโอเปกปรับเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้ และภูมิภาคอเมริกาเหนือจะเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน