HoonSmart.com>>ทริสฯประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “ลบ” ORI, BRI, NOBLE,SA,MJD และคงแนวโน้ม “ลบ” ANAN มองความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น แบกสินค้าคงเหลือ-Backlog หรือมีรายได้-ยอดโอนในปี 67 มากกว่า 60% แผ่นดินไหวกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานในช่วง 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทเหล่านี้เว้น BRI กำลังเสนอขายหุ้นกู้ ยอมจ่ายดอกเบี้ยสูง แถมหลักประกันด้วย
บริษัททริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “ลบ” ให้แก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 5 ราย ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) บริษัท บริทาเนีย (BRI) บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) และ บริษัท ไซมิสแอสเสท (SA) บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) พร้อมทั้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต “ลบ” ของบริษัท อนันดา ดีเวลอปเมนท์ (ANAN) จากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา
เครดิตพินิจแนวโน้ม “ลบ” และแนวโน้มอันดับเครดิต “ลบ”สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงในกรุงเทพและพื้นที่ข้างเคียงค่อนข้างมากในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ โดยทั้ง 5 บริษัทมีสินค้าคงเหลือและยอดขายที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ในโครงการคอนโดมิเนียมเกินกว่า 60% ของพอร์ตอสังหาริมทรัพย์และมีรายได้หรือยอดโอนในปี 2567 มากกว่า 60% ที่มาจากโครงการคอนโดมิเนียม ดังนั้นอัตราส่วนทางการเงินอาจได้รับผลกระทบและอ่อนแอกว่าคาดหากยอดขายและยอดโอนอสังหาฯลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่ได้มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับ BRI นั้น อันดับเครดิต “BBB” ของบริษัทและของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันได้รับการยกระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะองค์กร (SACP) ซึ่งอยู่ที่ระดับ “BBB-” เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูง ของ ORI ดังนั้น เครดิตพินิจแนวโน้ม “ลบ” ของ ORI จึงมีผลกับ BRI ด้วยเช่นกัน
” ทริสคาดว่าอุบัติการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ที่มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ในช่วง 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า”ทริสฯระบุ
ความเสียหายทางกายภาพจากแผ่นดินไหวและความเสี่ยงที่เกิดจากการอยู่อาศัยในอาคารสูงอาจทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยชะลอหรือยกเลิกการซื้อหรือการโอนกรรมสิทธิ์ห้องในโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย นอกจากนี้คอนโดมิเนียมในบางโครงการอาจเผชิญกับความล่าช้าในการโอน เนื่องจากต้องมีการประเมินความเสียหายและการตรวจสอบที่จำเป็นอีกด้วย เพิ่มแรงกดดันที่มากยิ่งขึ้นแก่ผู้พัฒนาอสังหาO]ฯท่ามกลางอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ซบเซาอยู่แล้ว
ทริสคาดว่าผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในครั้งนี้จะรุนแรงมากกว่าวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เนื่องจากผลกระทบของน้ำท่วมนั้นจำกัดวงอยู่ในเฉพาะบางพื้นที่และภาวะเศรษฐกิจในเวลานั้นไม่ได้เปราะบางเท่าในปัจจุบันในขณะนั้น อัตราหนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ประมาณ 70-75% ซึ่งต่ำกว่าระดับปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 90% อย่างมีนัยสำคัญ การเติบโตของ GDP ในปี 2555 อยู่ที่อัตรา 7.2% ซึ่งฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากอัตรา 0.8% ในปี 2554 ทำให้อุปสงค์ที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่ที่ไม่ถูกน้ำท่วมและอุปสงค์คอนโดมิเนียมยังคงแข็งแกร่ง ในทางตรงกันข้าม แผ่นดินไหวเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งสร้างผลกระทบทางจิตวิทยาแก่ผู้ซื้อชาวไทยที่ไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงในระดับดังกล่าว
ดังนั้นผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจึงอาจจะต้องใช้เวลาที่จะกลับมามีความมั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัยประเภทอาคารสูงอีก ในขณะที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็อาจจำเป็นต้องปรับพอร์ตอสังหาฯเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 23 ราย ณ สิ้นปี 2567 มูลค่ารวมของหน่วยที่อยู่อาศัยที่เหลือทั้งหมดของผู้พัฒนาเหล่านี้อยู่ที่ระดับ 1.05ล้านล้านบาท โดยมีคอนโดมิเนียมคิดเป็น 30% ของมูลค่าคงเหลือทั้งหมด ส่วนยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้นั้นอยู่ที่ระดับ 2.36แสนล้านบาท โดยกว่า 80% ของยอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม
นอกจากนี้บริษัท 5 ใน 6 รายนี้ ยกเว้นบริษัท บริทาเนีย (BRI) อยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นกู้ เช่น ORI องค์กรมีอันดับความ่นาเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ เสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.20%ต่อปี อายุ 4 ปี ดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 1-2,10-11 เม.ย.นี้
ส่วนบริษัทที่มีเรทติ้งองค์กร ระดับ BB+ และ BB คือ SA และ MJD เสนอขายหุ้นกู้เสี่ยงสูง ดอกเบี้ยสูงกว่า 7.00% ต่อปี โดย MJD เสนอขายหุ้นกู้เสี่ยงสูง ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน จำนวน 2 ชุด 1 ปี 9 เดือน ดอกเบี้ย 7.25%,2 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 7.40% 25,28-29 เม.ย.นี้ วางหลักประกัน เป็นการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ได้แก่ อาคารสำนักงานเมเจอร์ ทาวเวอร์ มูลค่าประมาณ 1,200.90 ล้านบาท จดจำนองเป็นลำดับที่ 1 โดยมีมูลค่ารวมของกลักประกันไม่ต่ำกว่า 1.00 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ที่เสนอขายได้
วัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ของ MJD 1.เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน2.เพื่อใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้3.เพื่อใช้ในการซื้อทรัพย์สินลงทุน หรือใช้จ่ายในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน4.เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น
ด้านทริสฯนิยามเรทติ้ง BBB มีความเสี่ยงในระดับปานกลาง บริษัทมีความสามารถในการชําระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์ที่เพียงพอ แต่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆมากกว่า
ส่วนเรทติ้ง BB มีความเสี่ยงในระดับสูงบริษัทมีความสามารถในการชําระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์ต่ำกว่าระดับปานกลาง และจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เพียงพอ