HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งกอดคอกันดิ่งมากกว่า 5% ดาวโจนส์ร่วง 2,231 จุด ตลาดทรุด 2 วันติด ทำให้มูลค่าตลาดหายไปถึง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ กังวล”ทรัมป”อาจก่อให้เกิดสงครามการค้าโลกนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้านยีลด์พันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่า 4% “พาวเวลล์” ลั่นคุมเงินเฟ้อ ไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยลงในเร็วๆนี้ ด้านหุ้นยุโรปดิ่ง 5% เช่นเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ทรุดกว่า 7%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 4 เม.ย. 2568 ปิดที่ 38,314.86 จุด ร่วงลง 2,231.07 จุด หรือ -5.50% ปรับตัวต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากจีนตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ทำให้กังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจก่อให้เกิดสงครามการค้าโลกที่จะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และจากการเตือนถึงภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการเติบโตที่ช้าลงอันเป็นผลจากภาษีศุลกากรของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เจอโรม พาวเวลล์
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,074.08 จุด ร่วงลง 322.44 จุด, -5.97%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,587.79 จุด ร่วงลง 962.82 จุด, -5.82%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2020 ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และปรับตัวลดลงกว่า 1,500 จุดติดต่อกัน 2 วัน ส่วนดัชนี S&P 500 ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 และขณะนี้ปรับตัวลงกกว่า 17% จากระดับสูงสุดล่าสุด และดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งมีหุ้นบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่ขายสินค้าให้กับจีนและผลิตสินค้าในจีนเช่นกัน ลดลง 22% จากระดับสูงสุดในเดือนธันวาคม ซึ่งถือว่าเข้าสู่ภาวะตลาดหมี
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 7.9%, ดัชนี S&P500 ร่วงลง 9.1% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 10%
การปรับตัวลงต่อเนื่องสองวันติดต่อกันส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปถึง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่าจีนจะจัดเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด 34% มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่คาดหวังว่าประเทศต่างๆ จะเจรจากับทรัมป์ก่อนที่จะตอบโต้
การดำเนินการของจีนในการตอบโต้ภาษีของทรัมป์นั้นสูงกว่าภาษีแบบที่สหรัฐเก็บในอัตราที่เท่ากัน (reciprocal tariffs) จากจีน และจีนได้เพิ่มบริษัทหลายแห่งเข้าไปในรายชื่อที่เรียกว่า unreliable entities list ซึ่งระบุว่าบริษัทเหล่านี้ได้ละเมิดกฎเกณฑ์ตลาดหรือข้อผูกมัดตามสัญญา นอกจากนี้ จีนยังได้เปิดการสอบสวนการผูกขาดต่อบริษัทดูปองต์เมื่อวันศุกร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงเกือบ 13%
หุ้นเทคโนโลยีนำการปรับลงอย่างหนัก โดยหุ้น Apple ผู้ผลิต iPhone ร่วงลง 7% ทำให้สัปดาห์นี้ราคาหุ้นร่วงลง 13% ส่วนหุ้นNvidia ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ร่วงลง 7% ในช่วงการซื้อขาย ขณะที่ Tesla ร่วงลง 10% ทั้งสามบริษัทต่างมีความเสี่ยงสูงต่อจีนและเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากมาตรการตอบโต้ของจีน
นอกเหนือจากกลุ่มเทคโนโลยีแล้วหุ้น Boeing และหุ้น Caterpillar ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ไปยังจีน ยังฉุดดัชนี Dow ลดลง จากการที่ลดลง 9% และเกือบ 6% ตามลำดับ
เจย์ วูดส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของ Freedom Capital Markets กล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวในขณะนี้เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์คือสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น และสหรัฐฯ ยังไม่ยอมถอย
เอมิลี่ โบเวอร์ซ็อค ฮิลล์ ซีอีโอและหุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง Bowersock Capital Partners กล่าวว่าแม้ตลาดอาจจะใกล้จุดต่ำสุดในระยะสั้น แต่ก็กังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าโลกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ร่วงลงต่ำกว่า 4% เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรเพื่อความปลอดภัย ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยลดลง ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความกังกวลของตลาด พุ่งสูงขึ้นเหนือ 40 ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนว่านักลงทุนวิตกอย่างหนัก
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการให้ความเห็นของพาวเวลล์ในการประชุม Society for Advancing Business Editing and Publishing Conference ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนียว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์น่าจะมีมากกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องคุมการคาดการณ์เงินเฟ้อไว้ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้กดดันให้พาวเวลล์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเลย
ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวันศุกร์ที่ว่า นโยบายของเขา “จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” และเตือนว่าจีน “เล่นผิดวิธี” ซึ่งยิ่งทำให้ตลาดกังวลมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการใช้มาตรการภาษีศุลกากรแบบที่เป็นอยู่อาจทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยนั้นเพิ่มขึ้น แม้การรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งจากที่เพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และสูงกว่า 140,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.2%
สก็อตต์ แลดเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Horizon Investments กล่าวว่า แม้รายงานการจ้างงานออกมาดี แต่ไม่มากพอที่จะระงับความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ เพราะรายงานเป็นข้อมูลย้อนหลัง และไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้อย่างครบถ้วนว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากเพียงใด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจีนประกาศตอบโต้แผนภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการค้าในโลกรุนแรงขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 5.1% เมื่อปิดตลาดในลอนดอน ซึ่งถือเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์ครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 โดยดัชนี STOXX 600 เข้าสู่เขตปรับฐานแล้ว
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 496.33 จุด ร่วงลง 26.79 จุด, -5.12%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,054.98 จุด ร่วงลง 419.76 จุด, -4.95
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,274.95 จุด ร่วงลง 324.03 จุด, -4.26
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,641.72 จุด ร่วงลง 1,075.67 จุด, -4.95%
ดัชนีในอิตาลี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน หลังจากมีข่าวว่าจีนจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 34% เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานในสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นดีกว่าที่คาดไว้ก็ค่อนข้างสร้างความมั่นใจได้ส่วนหนึ่ง จากความเห็นของ เอมิลี เดเรมบูร์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์หลายประเภทอาวุโสที่ Amundi SA กล่าว
ตลาดการเงินคาดการณ์มากขึ้นว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ โดยนักลงทุนคาดว่ามีโอกาสเกือบ 90% ที่ ECB จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ และอาจลดอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
หุ้นธนาคารลดลงมากที่สุด โดยดัชนีกลุ่มธนาคารร่วงลงถึง 10% ดัชนี FTSE MIB ของอิตาลี ซึ่งถูกกดดันจากการอ่อนตัวของหุ้นธนาคาร นำการปรับตัวลงในบรรดาดัชนีหลักของยุโรป โดยร่วงลง 6.5%
กลุ่มสินค้าหรูซึ่งพึ่งพาตลาดจีนอย่างมากก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยหุ้น LVMH ของฝรั่งเศสลดลง 2.4% หุ้นKering เจ้าของแบรนด์ Gucci ลดลง 3.8%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 4.96 ดอลลาร์ หรือ -7.41% ปิดที่ 61.99ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ร่วงลง 4.56 ดอลลาร์ หรือ 6.5% ปิดที่ 65.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–