TKN มั่นใจทำยอดขายปีนี้โต 15% แม้ต้นทุนสาหร่ายพุ่งแรง

HoonSmart.com>>”เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง”(TKN) มั่นใจทำยอดขายปี 67 เติบโต 15% ได้ตามเป้า แม้ว่าต้นทุนสาหร่ายที่สูงขึ้น จากผลผลิตจีน-ญี่ปุ่นไม่ดีทั้งปริมาณ-คุณภาพ ปีนี้ราคาสาหร่ายอาจขึ้นไปถึง 30% แต่ฤดูการจัดหาสาหร่ายจะหมดในมี.ค.นี้ ซึ่งบริษัทได้เร่งจัดหาสาหร่ายเข้ามาตั้งแต่ม.ค.-ก.พ. มั่นใจเพียงพอสำหรับปีนี้ และด้วยต้นทุนสาหร่ายที่สูงขึ้นทำให้ต้องทบทวนประมาณการอีกครั้งในครึ่งปีหลัง พร้อมโฟกัสไทย, สหรัฐอเมริกา, จีน, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีความสามารถในการขาย และทำกำไร

น.ส.ทิพย์นภา จิตต์แจ้่ง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการเงิน บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 67 เติบโต 15% โดยที่ยังอยากรักษาการทำกำไรในไตรมาส 1-2 แม้ต้นทุนสาหร่ายจะปรับขึ้นไปบ้าง แต่ในแง่การเติบโตยอดขายจะทำให้การทำกำไรเม็ดเงินไม่ได้น้อยลงไป โดยกลยุทธ์ปีนี้ยึด 3 กลยุทธ์ คือ GO FIRM, GO BROAD และ GO GLOBAL

โดย GO FIRM จะเน้นดูแลต้นทุนให้เข้มขึ้นกว่าปีก่อน โดยจะดูกระบวนการผลิต จัดการประสิทธิภาพการจัดซื้อ รวมถึงนำโปรแรมต่าง ๆ มาใช้ และบริหารจัดการขายสินค้า ช่องทางการขายให้เหมาะสม ส่งเสริมการตลาดให้เหมาะสม รวมถึงจะเอาการวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น และจะปรับปรุงพัฒนาการทำกำไรร้านอาหารให้ดีขึ้น เพราะปีนี้จะตัดทอนธุรกิจที่ไม่ทำกำไร แล้วมาโฟกัสธุรกิจที่ทำกำไร มีการขยายเพิ่มมากขึ้น

GO BROAD จะเน้นขยายช่องทางการกระจายสินค้า ไปยังไทย จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย และเพิ่มขยายฐานผู้บริโภคในทุก ๆ ตลาด ซึ่งผู้บริโภคสาหร่ายยังมีน้อยมาก รวมถึงการนำเสนอสินค้า นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคด้วย ในส่วนของ GO GLOBAL จะสร้างเถ้าแก่น้อยให้เป็น GLOBAL Brand โดยยังทำกิจกรรมให้คนรู้จักเถ้าแก่น้อย รวมถึงการมองหาการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมองหาอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญด้านการผลิตอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืนด้วย โดยปีนี้อาจมีการนำ EV-Truck มาใช้ในการโรงงานด้วย

“ส่วนครึ่งปีหลังเราอาจขอดูราคาสาหร่ายก่อน เพราะตอนนี้สาหร่ายที่เราได้มายังไม่จบ คิดว่าจะจบประมาณปลายเดือนนี้”

นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ TKN กล่าวว่า ราคาสาหร่ายปีนี้เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากผลผลิตของประเทศจีน และญี่ปุ่นออกมาไม่ดี ทั้งปริมาณ และคุณภาพ สาเหตุจาก”เอลนีโญ” ซึ่งกระทบไปถึงเกาหลีด้วย แต่ไม่มากเท่าจีน และญี่ปุ่น ซึ่งปีนี้คิดว่าราคาสาหร่ายจะขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 30% แต่ฤดูการจัดหาสาหร่ายจะหมดในเดือนมี.ค.นี้ ตอนนี้ทีมงานและผู้บริหารก็ได้มีารปรับตัวในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ TKN แก้ปัญหาระยะสั้น ซึ่งได้มีการเมินกับซัพพลายเออร์ไปแล้วว่ามีแนวโน้มราคาขึ้น ดังนั้นได้มีการซื้อสาหร่ายตั้งแต่ ม.ค.-ก.พ.อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนอาจสูงกว่าที่ประเมินไว้ ดังนั้นครึ่งหลังปี 67 บริษัทอาจต้องมีการทบทวนแผนดำเนินงานทั้งหมด แต่บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโต 15% แต่ละประเทศอาจมีช่องทางแตกต่างกันไป

“สิ่งหนึ่งที่ Surprise ตัวไดร์ฟยอดขาย กำไร ปีที่ผ่านมาปรากฏว่า ตลาดไทยอันดับหนึ่ง, สหรัฐอเมริกา และจีน เป็นอันดับ 3 แล้วก็อินโดนีเซีย, มาเลเซีย ดังนั้นเราโฟกัส 5 ประเทศในเรื่องความสามารถในการขาย และทำกำไร ส่วนต้นทุนสาหร่ายที่มันสูงขึ้น ตอนนี้เรายืนยันได้ว่าเราซื้อสาหร่ายจะสามารถใช้ได้ไปจนถึงปี 67 ได้แล้ว แต่ขณะเดียวกันเรายังต้องหาเพิ่ม เพื่อที่จะให้มีสต็อกครอบคลุมตามที่เราต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องราคาไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องปริมาณที่หาเข้ามา”