SJWD เป้ารายได้ปี 67 โตกว่า 25% นักวิเคราะห์คาดกำไรพุ่ง 63%

HoonSmart.com>>เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีฯตั้งเป้ารายได้ธุรกิจในไทย 12% อาเซียน 18-19% ผลจากรวมงบบริษัทลูกในเวียดนาม กับรับรู้ส่วนแบ่งกำไร SWIFT -ANI เล็งร่วมทุนอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พร้อมตั้ง REIT ระดมทุน 4,000 ล้านบาทปั้นแอลฟาเข้าตลาดหุ้น นักวิเคราะห์คาดกำไร 1,200 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 63%

นายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (SJWD) คาดว่า รายได้ไตรมาส 1 ปี 2567 จะเติบโตกว่าไตรมาส 4 ปี 2566 เพราะจะไม่มีค่าใช้จ่ายคงที่บางรายการในปีนี้ และเป็นผลจากการขนส่งรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นตามยอดการผลิตและยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถEV

สำหรับ ปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจในไทยโต 12% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 23,779 ล้านบาท โดยจะมีการลงทุนใหม่ 4,600 ล้านบาท จะมีการเข้าไปถือหุ้น 100% ในบริษัท เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม เพิ่มพื้นที่คลังสินค้า ใน 5 โลเคชั่นทั่วประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทที่อยู่ภายใต้ บริษัทแอลฟาอินดัสเทรียล โซลูชั่น เพิ่มจำนวนรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจาก 10 คัน เป็น 100 คัน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน

ขณะที่ รายได้จากบริษัทลูกและบริษัทในเครือที่อยู่ อาเซียน 5 ประเทศ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซียปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 18-19% จากเดิมที่มีสัดส่วน 11% หลักๆมาจากการการรวมงบการเงินบริษัท เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แก่ Long Son Petrochemicals โครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเวียดนาม ของบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ ที่จะเข้ามาในงบไตรมาส 2 ปี 2567

นอกจากนี้ ยังจะรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรจาก 3 ดีล ในบริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอรปอเรชั่น (SINO) ซึ่งปีที่ผ่านมามีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเล้ส้นทางไทยอเมริกาอันดับ 1 ในไทย และอันดับ 6 ของโลก ที่บริษัทถือหุ้น 4.2%

บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) 185 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่ง ANI ทำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าแก่สายการบินต่างๆ กว่า 20 สายการบิน ใน 8 ประเทศ และมีแผนขยายไปยุโรป ออสเตรเลีย และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน บริษัทสวิฟท์ ฮัวเลจ เบอร์ฮาด (Swift Hailage Berhad) ประมาณ 55 ล้านบาท

ทั้ง 3 บริษัทดังกล่าวข้างต้น จะมีรายได้รวมกันในปีที่ผ่านมามากกว่า 10,000 ล้านบาท

“ปีที่ผ่านมารายได้รวม 23,779 ล้านบาท 80% ยังเป็นธุรกิจในไทย 11% มาจากอาเซียนที่เราไปร่วมลงทุน แต่ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 18-19% ผลจากการรวมงบของบริษัทบริษัท เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม ซึ่งธุรกิจในต่างประเทศจะมีทั้งรายได้ และส่วนแบ่งกำไร โดยส่วนแบ่งกำไรจะขับเคลื่อนให้อัตรากำไรโตเร็วที่สุด ในอนาคตอยากทำให้รายได้จากต่างประเทศมีขนาดเท่ากับของไทย และในปี 2570 อยากเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ 100,000 ล้านบาท”นายบรรณ กล่าว

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม SJWD กล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้จุดแข็งด้านความสามารถการให้บริการ “คลังสินค้าห้องเย็น” อย่างครบวงจรแบบ End-to-End และการให้บริการโลจิสติกส์แก่ผลิตภัณฑ์ยาครอบคลุมทั่วประเทศในการขยายตลาดเพื่อสร้างรายได้เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมาโดยจะขยายคลังสินค้าห้องเย็นอีก 5 ทำเล

ขณะที่ธุรกิจ ออโตโมทีฟ บริการจัดเก็บและบริหารยานยนต์ วางเป้าหมายรายได้เติบโต 10% ในปีนี้ สอดคล้องกับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยม ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แก่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันรายใหญ่ในไทย มีแผนนำโมเดลธุรกิจออโตโมทีฟรุกให้บริการในประเทศเวียดนาม

สำหรับบริการรุกธุรกิจใหม่ จะโฟกัส 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ที่ก่อสร้างตามความต้องการของผู้เช่า ภายใต้บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น ซึ่ง SJWD ร่วมทุนกับ บริษัทอริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนารวม 9 ทำเล คิดเป็นพื้นที่คลังสินค้าให้เช่ารวมกว่า 500,000 ตารางเมตร จากเป้าหมาย 1 ล้านตารางเมตร โดยมีแผนนำคลังสินค้า 200,000 ตารางเมตร จัดตั้งกอง REIT ในปีนี้ มูลค่าระดมทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท

“เพื่อนำเงินเข้ามาขยายธุรกิจ บริษัท แอลฟาฯ โดยมีแผนจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นปี 2568″นายชวนินทร์ กล่าว

นายชวนินทร์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน จะขยายธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์แก่อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์และยาที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเตรียมคลังสินค้าในย่านบางนา กม.22 พื้นที่กว่า 28,000 ตารางเมตรไว้รองรับ โดยจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และยา และต่อยอดจากความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ด้านการให้บริการคลังสินค้าห้องเย็น คาดว่าจะสร้างรายได้แก่บริษัทฯ 70 ล้านบาทในปีนี้

นอกจากนี้ ได้วางเป้าหมายรายได้จากธุรกิจพื้นที่เก็บสินค้าให้เช่าภายใต้แบรนด์ MeSpace Self Storage ที่ร่วมทุนกับบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา(CPN)  112 ล้านบาท เติบโต 53% จากปีก่อน

ขณะที่ บล.ดาโอ ประมาณการกำไรปกติ SJWD ปี 2567 ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากปีที่ผ่านมา ด้านกำไรต่อหุ้น +47% เทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 20-25% ซึ่งเป็นการประมาณการณ์หลังจากผู้บริหารพบนักวิเคราะห์