HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวกก่อนทรัมป์ประกาศภาษีนำเข้า ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 235 จุด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบก่อนรู้รายละเอียดภาษี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 2 เมษายน 2568 ปิดที่ 42,225.32 จุด เพิ่มขึ้น 235.36 จุด หรือ +0.56% การซื้อขายผันผวนก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,670.97 จุด เพิ่มขึ้น 37.90 จุด, +0.67%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,601.05 จุด เพิ่มขึ้น 151.16 จุด, +0.87%
ในช่วงแรกตลาดปรับตัวลงก่อนที่ทรัมป์จะประกาศใช้มาตรการภาษีการค้าใหม่ แต่ปรับขึ้นในช่วงท้ายชั่วโมงซื้อขายท่ามกลางความหวังว่าตลาดอยู่ในภาวะขายมากเกินไปเพื่อรอรับแผนดังกล่าว
ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้(reciprocal tariffs ) ในเวลา 16.00 น. ตามเวลากรุงวอชิงตัน ซึ่งตรงกับเวลา 03.00 น. ของวันที่ 3 เมษายนตามเวลาไทย
รายละเอียดต่างๆ ที่ยังคงมีไม่มาก ทำให้เกิดความกังวลว่าอุตสาหกรรมไหนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงหรือไม่ จากรายงานของ Bloomberg News ซึ่งอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิด ระบุว่า จนถึงวันอังคาร ฝ่ายบริหารยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับระดับภาษีศุลกากร และยังคงพิจารณาทางเลือกต่างๆ หลายทาง
อย่างไรก็ตาม สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาว่า ภาษีศุลกากรที่จะประกาศในวันพุธจะเป็นระดับสูงสุด
โจชัว มาโฮนี นักวิเคราะห์จาก Scope Markets กล่าวว่า สำหรับผู้ค้าและนักลงทุน วันนี้ถือเป็นวันแห่งความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ เนื่องจากต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลกระทบของภาษีศุลกากรและสงครามการค้าเพื่อตอบโต้
หุ้นTesla พุ่งขึ้น 5.3% จากรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์แจ้งไปยังคณะฝ่ายบริหารว่าอีลอน มัสก์จะถอนตัวจากตำแหน่งที่ปรึกษาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นAmazonเพิ่มขึ้น 2% หลังจากมีรายงานข่าวว่าสนใจซื้อกิจการTikTok
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ADP รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 120,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด จากที่เพิ่มขึ้น 84,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า รายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.5% ที่นักวิเคราะห์คาด จากที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนมกราคม
นักลงทุนจับตาการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมีนาคมในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 4.1% รวมไปถึงการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของ Society for Advancing Business Editing and Writing (SABEW)ของ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ในวันเดียวกัน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ร่วงลง ขณะที่นักลงทุนรอฟังแผนภาษีจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเกรงว่าอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้น
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 536.92 จุด ลดลง 2.72 จุด, -0.50%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,608.48 จุด ลดลง 26.32 จุด, -0.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,858.83 จุด ลดลง 17.53 จุด, -0.22%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,390.84 จุด ลดลง 149.14 จุด, -0.66%
ตลาดรอฟังรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีศุลกากรตอบโต้ของทรัมป์ต่อคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากที่มีการประกาศ
หุ้นยุโรปผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจนของมาตรการภาษีของทรัปม์ หลังจากทรัมป์ดับความหวังที่ว่าจะมีการกำหนดภาษีเจาะจงบางประเทศ
มาร์ก เฟอร์รัชชี รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสกล่าวว่า ยุโรปจะตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ อย่างเหมาะสม ขณะที่ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังของอังกฤษระบุว่า จะไม่รีบดำเนินมาตรการตอบโต้ที่อาจกระทบต่อข้อตกลงการค้าในอนาคต
คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่า มาตรการภาษีของทรัมป์จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ฟรองซัวส์ วีลเลอรอย เดอ กาลโฮ สมาชิก ECB กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่มีผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลงของยุโรป
กลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 1.7% ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ปรับตัวลดลงและตกลงสู่ระดับต่ำสุดในปีนี้
โดยหุ้น Sanofi และ Novartis ต่างลดลงราว 1.6%
หุ้น Novo Nordisk ฉุดดัชนีมากที่สุด โดยร่วงลง 2.6%
กลุ่มยานยนต์และชี้นส่วนลดลง 0.1% ก่อนภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ 25% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 71.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.62% ปิดที่ 74.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–