HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 11 จุด ท่ามกลางความผันผวนอีกครั้ง นักลงทุนรอความชัดเจนนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ผสมแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่คาด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” อ่อนตัวลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 1 เมษายน 2568 ปิดที่ 41,989.96 จุด ลดลง 11.80 จุด หรือ -0.03% ท่ามกลางความผันผวนอีกครั้ง ขณะที่ตลาดรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากร จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยังเผชิญกับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาด
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,633.07 จุด เพิ่มขึ้น 21.22 จุด, +0.38%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,449.89 จุด เพิ่มขึ้น 150.60 จุด, +0.87%
กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากสุด หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 3.6% หุ้น Nike เพิ่มขึ้น 2%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยภาษีศุลกากรแบบตอบโต้แทนต่อสินค้าจากแทบทุกประเทศจากทำเนียบขาวในวันพุธนี้ และคาดหวังว่าจะจำกัดการใช้ภาษี ทำเนียบขาวยืนยันเมื่อวันอังคารว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ “ทันที” เมื่อประกาศออกมา
ประธานาธิบดี ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้(reciprocal tariffs )ในวันพุธที่ 2 เมษายนที่ Rose Gardenในทำเนียบขาว ในเวลา 16.00 น. ตามเวลากรุงวอชิงตัน (ตรงกับเวลา 03.00 น. ของวันที่ 3 เมษายนตามเวลาไทย)
ขณะเดียวกันมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แย่ลงอีกครั้งจากผลของนโยบายภาษีศุลกากร โดยผลสำรวจการผลิตของสถาบันการจัดการอุปทานออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้และหดตัว ด้านสำนักงานสถิติแรงงานเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่าจำนวนตำแหน่งงานว่างในเดือนกุมภาพันธ์ยังต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อย
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมีนาคมลดลงมาที่ 49.0 จาก 50.3 ในเดือนกุมภาพันธ์และต่ำกว่า 49.5 ที่นักวิเคราะห์คาด ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว จากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน และความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร
กระทรวงแรงงานรายงานผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนกุมภาพันธ์ว่า การเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 194,000 ตำแหน่งมาที่ 7.57 ล้านตำแหน่ง จาก 7.76 ล้านตำแหน่งในเดือนมกราคม ต่ำกว่า 7.61 ล้านตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
เมื่อวันอังคาร The Washington Post รายงานว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ ราว 20% อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวซึ่งอ้างแหล่งข่าว 3 รายที่ทราบเรื่องนี้ ระบุว่ายังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
หุ้น J&J ลดลง 7.6% หลังจากผู้พิพากษาศาลล้มละลายของสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธข้อเสนอ มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทในการยุติคดีนับหมื่นคดีที่กล่าวหาว่าแป้งฝุ่นสำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์ทัลคัมอื่น ๆ ของบริษัทเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งรังไข่
นักลงทุนยังรอการรายงานข้อมูลจ้างงานประจำเดือนมีนาคมในวันศุกร์ และจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมประจำปีของ Society for Advancing Business Editing and Writing (SABEW)ในวันศุกร์เช่นกัน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนก่อนหน้า ขณะที่ตลาดเตรียมพร้อมสำหรับกำหนดเส้นตายการจัดเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ในวันที่ 2 เมษายน
โดยหุ้นกลุ่มหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นธนาคารและเทคโนโลยีที่ แต่กลุ่มสื่อปรับตัวลง
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 539.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.72 จุด, +1.07%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,634.80 จุด เพิ่มขึ้น 51.99 จุด, +0.61%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,876.36 จุด เพิ่มขึ้น 85.65 จุด, +1.10%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,539.98 จุด เพิ่มขึ้น 376.49 จุด, +1.70%
ตลาดคาดว่าทำเนียบขาวจะประกาศการจัดเก็บภาษีรอบใหม่ในวันพุธนี้ โดยมีรายงานว่าทีมของทรัมป์ได้ร่างแผนการจัดเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการยิ่งตอกย้ำสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาด
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในไตรมาสแรกของปี จากมาตรการทางการเงินครั้งประวัติศาสตร์ของเยอรมนีและแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตาม ดัชนีอ้างอิงปิดเดือนมีนาคมลดลง 4.5% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว จากความคาดหวังว่าสหรัฐจะเก็บภาษีแบบเจาะจงเป้าหมายนั้นเริ่มลดน้อยลง
Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ดัชนี Stoxx 600ในช่วง 12 เดือนจาก 580 จุดเป็น 570 จุด เนื่องจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีของสหรัฐฯ
อุตสาหกรรมการผลิตของเขตยูโรแสดงสัญญาณเริ่มต้นของการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในเดือนที่แล้ว จากผลสำรวจล่าสุด ข้อมูลอีกชุดหนึ่งแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรลดลงตามที่คาดไว้ในเดือนมีนาคม ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตอันใกล้
หุ้น Commerzbank 7.4% ส่งผลให้ตลาดหุ้นเยอรมนีเพิ่มขึ้น 1.7%
หุ้น SAP บริษัทซอฟต์แวร์ และหุ้น ASML บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ ช่วยดันดัชนี STOXX 600 โดยเพิ่มขึ้น 2.3% และ 3.1% ตามลำดับ ขณะที่หุ้น Novo Nordisk ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 1.9% จากที่ร่วงลงติดต่อกัน 9 วัน
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 71.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 74.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–