บิ๊ก EA-JR เก็บหุ้นถูก TU-NEX เดินหน้าซื้อคืน

HoonSmart.com>>บิ๊กบจ.ดอดสะสมหุ้นราคาต่ำ “อมร”แห่ง EA ทุ่ม 34.75 ล้านบาท ซื้อ 1 ล้านหุ้น ราคา 34.75 บาท P/E 16 เท่าเศษ ก่อนได้รับเงินปันผล 0.30 บาท “จรัญ” JR  ได้ปันผลฟรี  ส่วน TU-NEX   ยังคงตั้งหลักซื้อหุ้นคืน  “สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” (FETCO) เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าดีขึ้น ชอบหุ้นท่องเที่ยว เลี่ยงกลุ่มปิโตรฯ ดัชนีหุ้นไทยบวกแรงไม่ไหว ต่างชาติทิ้งหนัก 2,553.61 ล้านบาท

นาย อมร ทรัพย์ทวีกุล กรรมการและ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 4 มี.ค.2567 ได้เข้าซื้อหุ้น EA จำนวน 2 รายการ รวม 1 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 34.75 บาท รวมเป็นเงิน 34.75 ล้านบาท ทำให้มีหุ้นทั้งหมด  105,968,316 หุ้น

ก่อนหน้านี้ วันที่ 24 ม.ค. 2567 นายอมรได้เข้าซื้อมากถึง 5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 37.55 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 187.75 ล้านบาท

ล่าสุด วันที่ 7 มี.ค. ราคาหุ้น EA  ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.25 บาท เคลื่อนไหวบริเวณ P/E 16 เท่าเศษ และวันที่ 8 มี.ค. บริษัทจะขึ้นเครื่องหมาย XD สิทธิรับเงินปันผลหุ้นละ 0.30 บาท ทั้งนี้ราคาหุ้น EA  ไหลลงแรงมาก จากเมื่อต้นปี 2566 เคลื่อนไหวบริเวณ 96  บาท  ปัจจุบันราคาหุ้นหายไปแล้วมากกว่า 60 %

ด้านนาย จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) แจ้งว่า วันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมาได้ซื้อหุ้นจำนวน 68,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 4.47 บาท ในวันเดียวกัน นาย ธีรนนท์ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ซื้อ จำนวน 57,000 หุ้น ราคาเท่ากัน  4.47 บาท ก่อนวันที่บริษัทจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 มี.ค. ราคาเด้งปิดที่  4.62 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 4.52% นักลงทุนได้สิทธิเงินปันผลฟรีหุ้นละ 0.04 บาท ทั้งนี้ต้นปี 2566 ราคาหุ้น JR อยู่ที่ 7.25 บาท ปัจจุบันทรุดลงประมาณ 36%

ขณะเดียวกัน ทางบริษัทหลายแห่งได้เปิดโครงการซื้อหุ้นคืน และเดินหน้าเก็บหุ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) วันที่ 7 มี.ค.ซื้อจำนวน 1,372,200 หุ้น ช่วงราคาอยู่ที่  9.70-9.95 บาท มูลค่า 13,487,245.99  บาท ถึงปัจจุบันซื้อหุ้นแล้วจำนวน 12.9 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 125.5 ล้านบาท ล่าสุดราคาหุ้น NEX ปิดที่ 10 บาท บวก 0.20 บาทหรือ +2.04% P/E ประมาณ 27 เท่า

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แจ้งว่า วันที่ 7 มี.ค.ซื้อจำนวน 1,700,000 หุ้น ช่วงราคา 14.30-14.50 บาท เป็นเงินประมาณ 24 ล้านบาท ล่าสุดซื้อหุ้นแล้วจำนวน 33 ล้านหุ้น หรือ 0.71% มูลค่ารวม 478 ล้านบาท

บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) เข้าซื้อหุ้นวันที่ 6 มี.ค. 2567 จำนวน  778,600 หุ้น ช่วงราคา 1.87-1.91 บาท เป็นเงิน 1.47 ล้านบาท รวมซื้อหุ้นคืนแล้วทั้งสิ้น  1,478,600 หุ้น มูลค่า 2.79 ล้านบาท

สถานการณ์ที่ผู้บริหารและบริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นในตลาด ท่ามกลางตลาดหุ้นไม่สดใส ราคาหุ้นส่วนใหญ่ยังปรับตัวลง แม้ว่าความเชื่อมั่นดีขึ้นก็ตามหลังจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค.67) ปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มองเฟดตรึงดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อเป็นปัจจัยฉุด ชอบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการมากที่สุด ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ น่าสนใจน้อยสุด

วันที่ 7 มี.ค. ตลาดหุ้นปิดบวก 1.61 จุด ปิดที่ระดับ 1,372.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.12% มูลค่าซื้อขาย 39,388.21 ล้านบาท ท่ามกลางตลาดหุ้นเอเชีย มีทั้งบวกและลบ โดยมีหุ้นฮ่องกงและญี่ปุ่น ปักหุ้นลง -1.27% และ -1.23% ตามลำดับ ส่วนจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้ร่วงลง -0.41%แม้ว่ายอดการค้าดีเกินคาดการณ์ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิ 2,553.61 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อต่อ 1,629  ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 1,077 ล้านบาท

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ ยังไม่ผ่านด่าน 1,380 จุด เนื่องจากไม่มีประเด็นใหม่ มีเพียง Sentiment บวกจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้ตลาดสหรัฐรีบาวด์ขึ้น แต่ส่งแรงบวกไปถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้ไม่เท่าไร ทำให้ตลาดเป็นลักษณะของการเลือกเล่นหุ้นที่มีประเด็นบวกเข้ามา อย่างเช่น หุ้นที่ได้ผลดีจากเข้าสู่ฤดูร้อน, หุ้นธนาคาร และสื่อสาร มีแรงซื้อจากประเด็นแบงก์ชาติเปิดให้ทำ Virtual Bank, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นต่อเนื่องช่วยหนุนกลุ่มค้าปลีก และเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า รวมถึงมีแรงซื้อหุ้นปันผลด้วย

ทั้งนี้ขอให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คืนนี้ ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ให้ดูทิศทางเศรษฐกิจในยุโรปจะเป็นอย่างไร