HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งปรับตัวลง กังวลเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากทรัมป์เดินหน้าใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับรถยนต์นำเข้า กดดันหุ้นรถยนต์ หุ้นธนาคาร ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 27 มี.ค. 2568 ปิดที่ 42,299.70 จุด ลดลง 155.09 จุด หรือ -0.37% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เดินหน้าใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับรถยนต์นำเข้า ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าเต็มรูปแบบและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,693.31 จุด ลดลง 18.89 จุด, -0.33%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,804.03 จุด ลดลง 94.98 จุด, -0.53%
การซื้อขายผันผวนสลับไปมาระหว่างแดนบวกและแดนลบ หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์หลายรายร่วงลงจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานหลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% สำหรับรถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ โดยหุ้น General Motors ร่วงลงกว่า 7% หุ้น Ford ลดลงเกือบ 4% แต่หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 0.4% นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า Tesla น่าจะได้ประโยชน์จากภาษีนำเข้ารถยนต์ของทรัมป์ เนื่องจากบริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศ หุ้น Stellantis ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐลดลง 1.25%
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ 25% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายนนี้ ในสัปดาห์เดียวกับที่อัตราภาษีศุลกากรแบบ reciprocal tariffs จะมีผลบังคับใช้ และทรัมป์ได้กล่าวว่าภาษี reciprocal tariffs ของเขาจะมีผลถาวรตลอดวาระที่สองในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาความกังวลยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก จากการที่ทรัมป์กล่าวว่า จะเก็บภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโกจะมากกว่านี้อีกหากทั้งสองประเทศร่วมมือกันสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับสหรัฐ ทั้งนี้สองประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐได้ตอบสนองต่ออัตราภาษีใหม่นี้ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว
เจด เอลเลอร์บรูค ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Argent Capital ในเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี กล่าวว่า นักลงทุนระมัดระวังและระแวดระวังต่อทรัมป์และนโยบายของเขาอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นนโยบายกลับไปกลับมาตลอดเวลา ทำให้มีความกังวลมากต่อการตัดสินใจลงทุนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือนักลงทุนก็ตาม
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยลงหากการจัดเก็บภาษีใหม่ของทรัมป์ทำให้เงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้นอีกและการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแอบ้างแล้ว
ในวันศุกร์นี้ จะมีการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในเดือนก.พ.นี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญ นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวจะเป็นการตรวจสอบการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ได้แก่ ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 ปี 2024 ครั้งที่ 3 จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ซึ่งขยายตัว 2.4% สูงกว่าประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3%
กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 1,000 ราย มาที่ 224,000 ราย ต่ำกว่า 226,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงาน ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายเดือน มาที่ 72.0 ดีกว่าการเพิ่มขึ้น 1.0% ที่นักวิเคราะห์คาด แต่เมื่อเทียบรายปีลดลง 3.6%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นำโดยหุ้นกลุ่มยานยนต์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐมีแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากต่างประเทศ 25% ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปในช่วงหนึ่งร่วงลง 0.8% และต่ำกว่าที่เคยลงไปต่ำสุด 1.1% ทำให้มูลค่าตลาดลดลงเกือบ 1 หมื่นล้านยูโร ดัชนีตลาดเยอรมนี ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐ ร่วงลง 1%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 7,990.11 จุด ลดลง 40.57 จุด, -0.51%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,666.12 จุด ลดลง 23.47 จุด, -0.27%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,990.11 จุด ลดลง 40.57 จุด, -0.51%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,678.74 จุด ลดลง 160.29 จุด, -0.70%
หุ้น Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ ลดลง 2.1% หุ้น Stellantis ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Chrysler ร่วงลง 4.1% หุ้น BMW ลดลง 2.7% หุ้น Porsche ลดลง 4.4% หุ้น Continental ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง 3.2% และหุ้น Volvo Cars ลดลง 1.2%
กลุ่มผลิตรถยนต์ลดลงกว่า 2.2% และมีแนวโน้มว่าจะหักกลบการปรับขึ้นทั้งหมดในปีนี้
ภาษีใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ อาจทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของรถยนต์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหลายพันดอลลาร์ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกันทั่วอเมริกาเหนือ
นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากร reciprocal tariffs ที่ทรัมป์จะเก็บจากคู่ค้าในวันที่ 2 เมษายน
หุ้นธนาคารที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจลดลง 1.6% หลังจากการประกาศภาษีศุลกากรของทรัมป์ ธนาคารสวีเดน Handelsbanken และ Swedbank ร่วงลง 11.9% และ 7.9% ตามลำดับ เนื่องจากทั้งสองบริษัทขึ้นเครื่องหมาย XD
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 69.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 74.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล