ITCนิวโลว์! ตกใจหั่นเป้ามากไป นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คงกำไรปี68

HoonSmart.com>>”ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น” (ITC) ไหลลงทำนิวโลว์ใหม่ 14.20 บาท ดิ่งลง -36% จากสิ้นปีก่อน  กังวลผลกระทบจากกำไรไตรมาส 1 ชะลอตัวลง นักวิเคราะห์บางรายปรับคำแนะนำเป็นถือ แต่ไม่มีรายใดให้ขาย  บ้างก็ปรับลดราคาเป้าหมาย แต่ส่วนใหญ่คงประมาณการกำไรปี 68 อยู่ในช่วง 3.3-3.8 พันล้านบาท เติบโตเล็กน้อย

วันนี้ (27 มี.ค. 68) ITC ยังคงไหลลงแรงติดต่อวันที่สอง ปิดที่ 14.20 บาท ร่วงลง 0.70 บาทหรือ -4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 184.83 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (นิวโลว์ ) เพียง 3 เดือนดิ่งลงแรง -36% เทียบกับราคาปิดสิ้นปีก่อนที่ระดับ 22.30 บาท

นักวิเคราะห์แห่ออกบทวิเคราะห์หุ้น ITC บ้างก็ยังคงแนะนำซื้อ บางรายปรับเป็นถือ หรือซื้อเก็งกำไร จากเดิมเคยแนะนำซื้อ แต่ไม่มีรายใดให้ขายหุ้นออก หลังจากคาดว่าไตรมาส 1/2568 กำไรจะชะลอตัวลง เทียบกับไตรมาส 4 ที่ผ่านมา (QoQ) และช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)  10% เศษ  นักวิเคราะห์บางรายมีการปรับลดราคาเป้าหมายของปีนี้ แต่หลายรายก็ยังคงให้มูลค่าเหมาะสม และประมาณการกำไรเท่าเดิม อยู่ในช่วง 3.3-3.8 พันล้านบาท เติบโตเล็กน้อยจากปีก่อน โดยบล.ดาโอให้ราคาเป้าหมายต่ำที่สุด 17 บาท ทั้งนี้ยังสูงกว่าราคาปิดในปัจจุบันที่ 14.20 บาท

ทางด้านบล.บัวหลวงปรับลดคำแนะนำ ITC เป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” จากกำไรที่ชะลอตัวลงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัว, ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นและต้นทุนการปรับโครงสร้างส่งผลต่อแนวโน้มการดำเนินงาน แม้ว่าจะมีโมเมนตัมรายได้เพิ่มจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในครึ่งหลังของปี2568 แต่ปัจจัยลบในระยะสั้นยังคงส่งผลกระทบมากกว่า

ทั้งนี้ คาดกำไรในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 704 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 750 ล้านบาท หรือลดลง 20% YoY และ 12% QoQ คาดยอดขายจะต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้า แต่ความกังวลที่ใหญ่กว่านั้นคือแนวโน้มทั้งปีมองเห็นดาวน์ไซด์ต่อที่คาดยอดขายเติบโต 13-15% YoY เนื่องจากไตรมาสแรกจะอยู่ที่เพียง 1-2% YoY ผู้บริหารกล่าวว่ายอดอขายที่ลดลงเกิดจากการล่าช้าของการจัดส่งในความรับผิดชอบของลูกค้า แต่มุมมองของเรามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวในช่วงปลายไตรมาส 2 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของ ITC เนื่องจากมีรายได้จากสหรัฐฯถึง 50% จึงปรับลดประมาณการยอดขายในปีนี้โตเพียง 8%  จาก 13% อาจมีรายได้อัพไซด์ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง หากสามารถดำเนินการได้เต็มที่ การเติบโตของรายได้จะอยู่ที่ 14%

” เราคาดว่ากำไรปี 2568จะลดลง 12%  มาอยู่ที่ 3,350 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงรายได้และอัตรากำไรที่ลดลง รวมถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้าง 420 ล้านบาทนอกเหนือจากปกติ ในขณะที่ภาษีขั้นต่ำทั่วโลกจะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านภาษี 166 ล้านบาท”บล.บัวหลวงระบุ

ความกดดันด้านกำไรอาจยังคงมีอยู่ หากไม่มีการฟื้นตัวของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ  เมื่อมองไปยังมูลค่าหุ้นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มกำไรที่อ่อนแอลง อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับลดลงอิงจาก PER ปี 2568 ที่ 15.3 เท่า จึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ปรับลดลงอย่างมากจาก 25 บาท เหลือ 17.20 บาทต่อหุ้น