ดาวโจนส์ปิดบวก 4 จุด หวังทรัมป์ยืดหยุ่นภาษี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 4 จุด นักลงทุนประเมินข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภค คาดหวังประธานาธิบดีทรัมป์ ยืดหยุ่นการบังคับใช้แผนภาษีในสัปดาห์หน้า ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 25 มีนาคม 2568 ปิดที่ 42,587.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด หรือ +0.01% นักลงทุนประเมินข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคและคาดหวังว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการบังคับใช้แผนภาษีในสัปดาห์หน้า

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,776.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.08 จุด, +0.16%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,271.86 จุด เพิ่มขึ้น 83.26 จุด, +0.46%

ข้อมูลผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคมที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร สะท้อนถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของแนวโน้มรายได้ ธุรกิจ และสภาพการจ้างงานในระยะใกล้ของผู้บริโภคในสหรัฐฯ
Conference Board รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมีนาคมลดลง 7.2 มาที่ 92.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 จาก 100.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ และต่ำกว่า93.5 ที่ Dow Jones คาด เนื่องจากผู้บริโภคกังวลว่านโยบายของทรัมป์จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้คาดการณ์ในอนาคตลดลงเหลือ 65.2 ซึ่งเป็นค่าต่ำสุดในรอบ 12 ปี และต่ำกว่าระดับ 80 ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต

เบร็ต เคนเวลล์ นักวิเคราะห์การลงทุนในสหรัฐฯ ของ eToro กล่าวว่า นักลงทุน ผู้บริโภค และธุรกิจต่างมีมุมมองที่แย่ลงเรื่อยๆ เนื่องจากความกังวลด้านเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบ ซึ่งมุมมองกับความเชื่อมั่นยังคงเปราะบาง”จนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในด้านภาษีศุลกากรและมหภาค

เคนเวลล์ ชี้ให้เห็นว่ารายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศและรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE)ในสัปดาห์นี้ ซึ่ง PCE เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ให้ความสำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานในสัปดาห์หน้า อาจให้ความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ

ตลาดจับตาการใช้ขึ้นภาษีศุลกากรแบบเก็บในอัตราที่เท่ากัน(reciprocal tariffs)ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าภาษีรถยนต์กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญานว่า ไม่ใช่ภาษีทั้งหมดที่จะบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่จะประกาศภาษีศุลกากร แบบ reciprocal tariff

รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Baird กล่าวว่า ไม่คาดหวังว่าจะได้รับความชัดเจนอย่างที่ตลาดคาดหวัง แต่บรรดานักลงทุนต่างก็ต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้อย่างมาก และหากได้รับความชัดเจนบ้าง ก็จะเป็นวันที่สำคัญมาก

ดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 2% ในปี 2025 จากความกังวลว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์จะกระตุ้นเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับลงรายไตรมาสครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023

นอกจากนี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ความแข็งแกร่งทางการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องหลายปี เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นและความสามารถในการชำระหนี้ลดลง

ขณะเดียวกัน ดรียนา คุกเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า นโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงเข้มงวด แต่ความคืบหน้าในการนำอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% ยังคงล่าช้า ส่วนจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์กกล่าวว่า บริษัทและครัวเรือนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจ

หุ้น Apple เพิ่มขึ้น 1.4% ช่วยให้ Nasdaq อยู่ในแดนบวก ขณะที่หุ้น Nvidia ลดลง 0.6%
หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 3.45% แม้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในยุโรปยังคงหดตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แต่การปรับเพิ่มขึ้นถูกจำกัด ท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับขอบเขตของการบังคับใช้ภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 552.59 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด, +0.67%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,663.80 จุด เพิ่มขึ้น 25.79 จุด, +0.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,108.59 จุด เพิ่มขึ้น 86.26 จุด, +1.08%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,109.79 จุด เพิ่มขึ้น 257.13 จุด, +1.13%

ดัชนีหุ้นยุโรปเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยทิศทางขาขึ้น หลังจากมีรายงานข่าวว่าสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตราที่น้อยกว่าที่คาดไว้ แต่การปรับขึ้นภาษียังไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

รายงานในช่วงสุดสัปดาห์ระบุว่าทรัมป์น่าจะตั้งเป้าการเก็บภาษีศุลกากร แบบ reciprocal tariff ไปที่ 15 ประเทศที่มีมองว่าเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลที่ว่าจะเก็บภาษีศุลกากรในวงกว้างได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อยานยนต์ ยา และอลูมิเนียมในอนาคตอันใกล้นี้ และกล่าวว่าภาษีนำเข้าต่อไม้แปรรูปและเซมิคอนดักเตอร์จะตามมาในภายหลัง

ตลาดยังได้รับหนุนจากผลสำรวจบรรยากาศธุรกิจของเยอรมนีประจำเดือนมีนาคมจากสถาบัน Ifo โดยข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนของเยอรมนีเติบโตในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 10 เดือน จากความหวังว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะชดเชยผลกระทบใดจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

หุ้น Shell ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ได้เพิ่มนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็น 40%-50% ของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจาก 30%-40% และหันไปเน้นการซื้อหุ้นคืน และลดการคาดการณ์การใช้จ่ายลงเหลือ 20,000-22,000 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2571

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 69.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 73.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล