HoonSmart.com>>ดัชนีกลุ่มแบงก์อ่อนลง 0.31% นำดิ่งโดย KBANK สินเชื่อเดือนก.พ.กลุ่มแบงก์ลดลง 0.2% m-m จากสินเชื่อภาครัฐลดลง ขณะที่สินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้านสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยทรงตัว ภาพรวมธนาคารยังระวังการปล่อยสินเชื่อจากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ด้านบล.หยวนต้า มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/68 คาดลดลง YoY แต่โต QoQ
เมื่อเวลา 10.47 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์อ่อนลง 0.31% มาที่ 419.10 จุด ลดลง 1.30 จุด นำดิ่งโดยหุ้น KBANK ลบ 1.22% มาที่ ๅุ/ บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 351.44 ล้านบาท
หุ้น TCAP ลบ 0.98% มาที่ 50.50 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.58 ล้านบาท
หุ้น KTB ลบ 0.42% มาที่ 23.90 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 191.02 ล้านบาท
บล.กรุงศรี มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อการรายงานสินเชื่อเดือนก.พ. 2568 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ลดลง -0.2%m-m จากสินเชื่อภาครัฐลดลง ขณะที่สินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้านสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยทรงตัว ภาพรวมธนาคารยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อจากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
เดือนนี้ธนาคารที่รายงานสินเชื่อเพิ่มขึ้น m-m เด่นสุด นำโดย BBL +1.0%m-m ตามด้วย TISCO +0.5%m-m, SCB,KKP +0.4%m-m และ TTB +0.1%m-m ขณะที่ธนาคารที่รายงานสินเชื่อหดตัวคือ KBANK -0.5%m-m และ KTB -1.9%m-m ทั้งนี้ คงแนะนำ”ซื้อ” KBANK ราคาเป้าหมาย 178 บาท และ KTB ราคาเป้าหมาย 27 บาท เป็นTop pick
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงมุมมองการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารที่“เท่ากับตลาด” โดยแม้ผลดำเนินงานจะไม่โดดเด่นตามภาวะดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลง แต่มีปัจจัยชดเชยจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แรงกดดันจากการตั้งสำรองไม่สูง อีกทั้งกลุ่มเป็นกลุ่มที่ Valuation ไม่แพง และมี Dividend Yield ที่สูงจึงยังมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาวสำหรับหุ้น Top Pick เปลี่ยนจาก KBANK ปรับคำแนะนำลงจาก“ซื้อ” เป็น “เทรดดิ้ง” มาเป็น TTB ราคาเป้าหมาย 2.12 บาท
สินเชื่อเดือน ก.พ.2568 ลดลง 0.2% MoM ธนาคารใหญ่ที่สินเชื่อขยายตัวคือ BBL และ SCB ส่วน KBANK และ KTB สินเชื่อลดลง หลังสินเชื่อบริษัทและกลุ่มสินเชื่อภาครัฐฯ ชะลอตัวลง ธนาคารขนาดกลาง/เล็กฟื้นตัวขึ้นได้ดี แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2568 คาดลดลง YoY แต่โต QoQ หลังค่าใช้จ่ายสำรองและค่าใช้จ่ายดำเนินงานปรับตัวลง
ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อทิศทางสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/2568 ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะปรับลดลง QoQ คาดจะมีผลกดดันให้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อชะลอตัวลงทั้ง YoY และ QoQ นอกจากนี้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อที่ขยายตัวดีมีเพียงสินเชื่อบริษัทใหญ่ ซึ่งปกติจะเป็นสินเชื่อลอยตัว และดอกเบี้ยไม่สูงเพราะความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับฐานเงินฝากที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้คาด NIM ของกลุ่มจะปรับตัวลง YoY และ QoQ เช่นกัน ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2568 ปัจจัยลบดังกล่าวบางส่วนจะถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงมาก QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงการตั้งสำรองที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังหลายธนาคารคุมเข้มสินเชื่อมาหลายไตรมาส หนุนให้คาดกำไรสุทธิของกลุ่มในไตรมาส 1/2568 แม้จะลดลง YoY จากสินเชื่อและ NIM ที่ปรับลง แต่ยังโต QoQ จากค่าใช้จ่ายที่ลดลง ส่วนทั้งปี 2568 คาดกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 220,954 ล้านบาท โต 3% YoY