HoonSmart.com>>เพราะธุรกิจครอบครัว ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของตระกูล แต่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจประเทศ 4 องค์กรธุรกิจหลัก ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ดันโครงการ Family Business Thailand รุ่นที่ 4 ปฏิวัติมาตรฐานใหม่ให้ธุรกิจครอบครัวไทยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน “สนั่น อังอุบลกุล”รุ่นใหญ่ เตือนฟังคนรุ่นใหม่ เชื่อมช่องว่างอายุ
ธุรกิจขนาดใหญ่ ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจครอบครัว และเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ ทั้ง Walmart, Samsung หรือ Tata Group ต่างก็เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว
รวมถึงเศรษฐกิจไทย ต้องพึ่งพาธุรกิจครอบครัวคิดเป็น 71.23% ของ GDP ทว่าปัญหาเรื่องการส่งต่อธุรกิจระหว่างรุ่น ซึ่งช่องว่างระหว่าง Generation Gap และการขาดความเข้าใจในครอบครัว เป็นความท้าทาย รวมถึงการเข้าถึงแหล่งทุน ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางศักยภาพของธุรกิจ และอาจทำให้การสืบทอดธุรกิจหยุดชะงักได้
4 เสาหลักองค์กรธุรกิจ ประกอบด้วย กรมการกรมพัฒนาธุรกิจการค้า, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันสร้างพลังต่อยอดองค์ความรู้และแนวทางพัฒนาธุรกิจครอบครัว พร้อมทั้งเชื่อมโยงโอกาสสู่ตลาดทุนภายใต้โครงการ Family Business Thailand รุ่นที่ 4 ณ จ.สุราษฎร์ธานี ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคใต้ได้เข้าร่วมและพัฒนาศักยภาพ
โครงการ Family Business Thailand เป้าหมายของไม่ใช่แค่การจัดอบรม แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของธุรกิจครอบครัวไทย ด้วยแนวคิด “ธรรมนูญครอบครัวแห่งชาติ” ที่จะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ก้าวข้ามอุปสรรค พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
รุ่นใหญ่ VS รุ่นใหม่
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในประเทศไทย และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) คิดเป็น 71.23%
ทว่า ในทางปฏิบัติ ธุรกิจครอบครัว ส่วนใหญ่มักมีปัญหาการส่งต่อธุรกิจ โดยมีสาเหตุที่สำคัญจากความไม่เข้าใจของสมาชิกในครอบครัวที่มีช่องว่างระหว่างรุ่น (Generation Gap) กันอยู่มาก
ฉะนั้น การมีกลไกหรือวิธีการจัดการ นั่นก็คือการสร้าง “ธรรมนูญครอบครัว” เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
รวมทั้งการจัดตั้ง “สภาครอบครัว” เพื่อเป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาก็จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างยั่งยืน
โครงการ Family Business Thailand จึงนับ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจเรื่องการสร้างธรรมนูญครอบครัว อีกทั้งยังสามารถแบ่งปันประสบการณ์จากธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวอื่น ๆ ใช้เป็นกรณีศึกษาได้ อีกทั้งยังจะสามารถต่อยอดสู่เป้าหมายของการพัฒนา “ธรรมนูญแห่งชาติ” ในอนาคตสำหรับธุรกิจครอบครัวในระดับมหภาคอีกด้วย
ทั้งนี้ แนะนำว่า ในทางปฏิบัติ “คนรุ่นใหญ่” ในธุรกิจครอบครัวเองก็ต้องรับฟัง “คนรุ่นใหม่” ด้วยความเข้าใจ อีกทั้งทำหน้าที่ต้องให้แง่คิด มุมมองต่าง ๆ ที่ดี มิใช่การสั่งเพียงอย่างเดียว เพื่อช่วยประคับประคองและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น และจะส่งผลให้การสืบทอดหรือการส่งต่อธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น
เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น องค์กรธุรกิจ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักเหล่านี้จึงย่อมจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัว และทำหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับทุกครอบครัวได้ดำเนินธุรกิจให้เติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไป”
สร้างระบบนิเวศใหม่
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มองว่า ธุรกิจครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยและเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจครอบครัวไทย ผ่านการอบรมสัมมนา การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ และกรณีศึกษาธุรกิจต้นแบบ
“การจัดทำธรรมนูญครอบครัว เพื่อลดความขัดแย้ง และการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ต้องการพัฒนาการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ” นางอรมน กล่าว
นางอรมน กล่าวว่า กรมฯยังมองหาแนวทางความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน สถาบันการศึกษาและวิจัย เพื่อพัฒนาหลักสูตรการบริหารธุรกิจครอบครัว เครื่องมือต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวไทยปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เชื่อมธุรกิจครอบครัวกับตลาดทุน
“การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจครอบครัวจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ Family Business Thailand ซึ่งมีแนวทางการสนับสนุนในหลายมิติ “นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าว
นายอัสสเดช ยกตัวอย่างว่า เช่น การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารและการวางแผนสืบทอดกิจการ การให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลและโครงสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ การสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังมีการพัฒนา LiVE Platform เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับธุรกิจครอบครัว มีหลักสูตรเฉพาะด้าน เช่น การบริหารจัดการภายใน การปรับโครงสร้างธุรกิจ การวางแผนมรดก
มุมการสร้างกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน ได้ขยายความร่วมมือด้านงานวิจัยในโอกาสครบรอบ 50 ปีของตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในการจัดทำงานวิจัยที่เชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวกับตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย
“คาดว่าในกลางปี 2568 จะมีผลงานวิจัยที่ช่วยเสริมแนวทางการพัฒนาให้ธุรกิจครอบครัวไทยเติบโตอย่างมั่นคง”นายอัสสเดช กล่าว
ปั้นให้แกร่งเข้าแข่งเวทีโลก
“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่ช่วยธุรกิจครอบครัวที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องการสร้างรากฐานให้ธุรกิจครอบครัวไทยเติบโตอย่างเป็นระบบ และสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้” รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงโครงการ Family Business Thailand ในฐานะของสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจครอบครัวมานับทศวรรษ
รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า บริบทของประเทศไทยก็เช่นเดียวกับนานาประเทศ ธุรกิจครอบครัวถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการวางรากฐานอย่างมั่นคงและดำเนินกิจการสืบทอดต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในทุกยุคทุกสมัย ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยการกำหนดนโยบายของภาครัฐ แต่ยังต้องอาศัยพลังขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจ การพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ
ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ผสานความร่วมมือกับ สภาหอการค้าไทย ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกกว่า 200,000 ราย กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและส่งเสริมภาคธุรกิจ และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีธุรกิจครอบครัวจดทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก
“ความร่วมมือระหว่างทั้งสี่หน่วยงานนี้ จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจครอบครัวไทยในทุกระดับ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ อีกทั้งจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนและสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายของการสร้าง “ธรรมนูญครอบครัวแห่งชาติ” ให้กับธุรกิจครอบครัวไทยในอนาคตอีกด้วย”รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการในปี 2567 Family Business Thailand ได้จัดอบรมไปแล้ว 3 รุ่นที่ กรุงเทพฯ, ชลบุรี และเชียงใหม่ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 500 ราย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และหากโครงการนี้บรรลุเป้าประสงค์ตามที่ตั้งไว้ได้จริง ไทยอาจกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีมาตรฐานธุรกิจครอบครัวในระดับสากล มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงในเวทีการค้าของโลก
เรียบเรียงโดย วารุณี อินวันนา