ดาวโจนส์ปิดลบ 260 จุด รอผลประชุมเฟด วิตกผลภาษีของทรัมป์

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 260 จุด นักลงทุนขายรอผลประชุมเฟด ตัดสินใจนโยบายการเงินและประเมินผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก หลังรัฐสภาเยอรมนีอนุมัติแผนการใช้จ่ายครั้งใหญ่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 18มีนาคม 2568 ปิดที่ 41,581.31 จุด ลดลง 260.32 จุด หรือ -0.62% จากแรงขายที่กลับเข้ามาใหม่หลังที่พุ่งขึ้นติดต่อกันสองวัน เนื่องจากนักลงทุนใช้ความระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ขณะเดียวกันก็ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,614.66 จุด ลดลง 60.46 จุด, -1.07%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,504.12 จุด ลดลง 304.55 จุด, -1.71%

หุ้น Tesla หนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ กลับมาร่วงลงอีกครั้งในวันอังคาร โดยราคาหุ้นร่วงลงกว่า 5% หลังจากที่ RBC Capital

Markets ลดเป้าหมายราคาลง โดยอ้างถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด EV ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงกว่า 36% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

หุ้น Palantir และ Nvidia ลดลงเกือบ 4% และกว่า 3% ตามลำดับ กองทุน Technology Select Sector SPDR (XLK) ก็ลดลงกว่า 1% เช่นกัน

ริส วิลเลียมส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Wayve Capital กล่าวว่า ตลาดจะยังคงผันผวนจนกว่าจะมีการตัดสินใจใดๆ ในวันที่ 2 เมษายน โดยอ้างถึงกำหนดเส้นตายการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าบางรายการจากแคนาดาและเม็กซิโกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ในขณะที่นักลงทุนยังคงเกาะติดความคืบหน้าจากทำเนียบขาว ก็หันไปให้ความสนใจกับการประชุมนโยบายการเงินของเฟดที่เริ่มขึ้นในวันอังคาร เพื่อติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยในช่วงบ่ายวันพุธอย่างใกล้ชิด และการแถลงข่าวของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์หลังจากนั้น ดอกเบี้ย นอกจากนี้เฟดจะประกาศการคาดการณ์เศรษฐกิจด้วย

เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่ามีแนวโน้ม 99% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ปัจจุบัน ตลาดมองว่ามีโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลดง 0.60% ในปีนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่

เฟด หลายคนได้เตือนว่าเฟดไม่ควรปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และกล่าวว่าจะรอดูผลกระทบของภาษีศุลกากรในข้อมูลเศรษฐกิจ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนนโยบาย

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยราคาสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์ จากต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น

กระทรวงแรงงาน รายงาน ดัชนีราคานำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับการลดลง 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมมกราคม ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 2.0% จากที่เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมกราคม
สำหรับดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับการลดลง 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด จากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนก่อนหน้า เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 2.1% จากเพิ่มขึ้น 2.7%
หุ้น Alphabet ลดลงหลังบริษัทประกาศจะซื้อกิจการ Wiz ในมูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเพื่อทุ่มให้กับความปลอดภัยไซเบอร์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากรัฐสภาเยอรมนีอนุมัติแผนการใช้จ่ายครั้งใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอรายละเอียดจากการโทรศัพท์หารือระหว่างผู้นำสหรัฐและรัสเซีย ซึ่งอาจมีการเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 554.30 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด, +0.61%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,705.23 จุด เพิ่มขึ้น 24.94 จุด, +0.29%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,114.57 จุด เพิ่มขึ้น 40.59 จุด, +0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,380.70 จุด เพิ่มขึ้น 226.13 จุด, +0.98%

สภาผู้แทนราษฎร (Bundestag) ของเยอรมนีอนุมัติการปฏิรูป ซึ่งรวมถึงการยกเลิกมาตรการจำกัดหนี้เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 500,000 ล้านยูโร (5.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะนำเสนอต่อวุฒิสภาในวันศุกร์นี้

ความคาดหวังต่อการปฏิรูปทำให้หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศ ค่าเงินยูโร และอัตราผลตอบแนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะอ่อนตัวลงลงหลังการลงคะแนนเสียงก็ตาม

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 51.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 จาก 26.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่า 48.1 ที่นักวิเคราะห์คาด โดยได้แรงหนุนจากนโยบายการคลังของรัฐบาลเยอรมนี รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 6 ครั้งของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

อย่างไรก็ตาม Fitch Ratings เตือนว่าอันดับเครดิตที่ AAA ระดับสูงสุดของเยอรมนีอาจเผชิญกับแรงกดดันในระยะยาว หากความพยายามในการใช้จ่ายจำนวนมากไม่สามารถชดเชยด้วยมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง หรือไม่สามารถสร้างการเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

กลุ่มธนาคารในยุโรปนำการปรับขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 2.5% และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2011 จากแนวโน้มการใช้จ่ายที่สูงขึ้น

หุ้นกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และส่วนประกอบก็ปรับขึ้นเช่นกัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปิดในแดนบวก ดัชนีกลุ่มการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศของภูมิภาคปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 1.4%

ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนจาก BofA Global Research แสดงให้เห็นว่ามีเงินไหลออกจากสหรัฐฯ ไปสู่หุ้นยุโรปมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 และความสนใจในหุ้นขนาดเล็กของยุโรปก็กลับมาอีกครั้ง

นักลงทุนยังรอรายละเอียดจากการสนทนาการโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ขณะที่สหรัฐฯ พยายามโน้มน้าวรัสเซียให้ยอมรับการหยุดยิงในสงครามกับยูเครน

หุ้น Siemens บวก 1.2% หลังบริษัทประกาศลดพนักงานลง 5,600 คนจากธุรกิจดิจิทัล

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 66.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–