PANEL วันแรกเปิดเหนือจอง 16.84% ธุรกิจโตต่อเนื่อง

HoonSmart.com>> หุ้น PANEL ไอพีโอน้องใหม่ เข้าเทรดวันแรกเปิด 4.30 บาท เหนือจอง 16.84% และปิดที่ 3.50 บาทต่ำจอง 4.89%เทียบราคา 3.68 บาท ด้าน “ผู้บริหาร” เผยกระแสตอบรับดี ชูหุ้น “จิ๋วแต่แจ๋ว” มั่นใจธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ชูจุดเด่นเป็นผู้นำตลาด มาร์จิ้นสูงเตรียมขยายกิจการตามกระแสการท่องเที่ยวโตแรง ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ Medical Hub ดันยอดขายโตจากการสร้างโรงพยาบาล และโรงแรมใหม่เพิ่มนับพันแห่ง

หุ้นบริษัท เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์เอ็ม ไอ เอ (mai) วันแรก 22 ก.พ.2567 ราคาเปิด 4.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.62 บาท หรือ 16.84% จากราคาเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หุ้นละ 3.68 บาท ราคาสูงสุดที่ 4.36 บาท  และปิดที่จุดต่ำสุด 3.50 บาท ต่ำกว่าจอง -0.18 บาทหรือ -4.89%  ด้วยมูลค่าการซื้อขายจำนวน 978 ล้านบาท

นางจูเลีย เพ็ชญไพศิษฎ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PANEL เปิดเผยว่า จุดเด่นของ PANEL คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผนังกันเสียงเคลื่อนที่ ระบบประตูห้องผ่าตัดอัตโนมัติ และระบบทางเข้าออกอัจฉริยะ มาตลอดระยะเวลากว่า 34 ปี และเป็นตัวแทนนำเข้าพร้อมจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าใช้งานในสถานพยาบาลแบรนด์ MANUSA จากประเทศสเปน เช่น ประตูอัตโนมัติสุญญากาศที่ใช้สำหรับประตูห้องผ่าตัด ประตูห้องเอกซ์เรย์ มามากกว่า 24 ปี อีกทั้งยังให้บริการอย่างครบวงจรเพื่อเป็น One Stop Service ในการออกแบบ การจัดหา การติดตั้ง และการบริการหลังการขาย

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ มองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโรงแรม กำลังเติบโตสูง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยมากกว่า 23 ล้านคน มีการก่อสร้างโรงแรมและโรงพยาบาลใหม่จำนวนมาก จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ที่จะเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของทั้ง 2 อุตสาหกรรม

“ดิฉันมีความมั่นใจ ว่าหุ้นไอพีโอ PANEL จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน หลังจากได้รับความสนใจอย่างสูงในการโรดโชว์ และจองซื้อหุ้น ซึ่งถือว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี”นางจูเลีย กล่าว

ในปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 88 ล้านบาทและ 70 ล้านบาทในปี 2564 ลดลงเนื่องจากสถานการณ์โควิด และปี 2565 มีรายได้รวม 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% ขณะที่กำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 17 ล้านบาท และ 11 ล้านบาทในปี 2564 ลดลงจากโควิด-19 และมีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้น 45% โดยในช่วงปี 2563 – 2565 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 40% และยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิประมาณ 15 % -19 %

ล่าสุดงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสถาปัตยกรรมภายใน : กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสถานพยาบาล : รายได้บริการและอื่นๆ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 : 30 : 10 ตามลำดับ” ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 90.5 ล้านบาท เติบโต 59% และมีกำไรสุทธิ 10.4 ล้านบาท เติบโต 333% บาท จากช่วง 9 เดือนแรกปีก่อนที่มีรายได้รวม 57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.4 ล้านบาท ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.6 เท่า เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนสร้างโรงงานใหม่และจัดซื้อเครื่องจักร 140 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพการผลิตกว่า 2.5 เท่าตัว รองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล และโรงแรม

บล.ทิสโก้มองจุดเด่นของบริษัทเพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ สินค้ามีลักษณะพิเศษและคู่แข่งน้อย ผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยกลุ่มลูกค้าทั้งหมดอยู่ในธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรม ส่วนโรงงานใหม่หนุนรายได้โตก้าวกระโดด คาดรายได้ปี 2566 ขยายตัวและเริ่มเติบโตเด่นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากออเดอร์ที่ไหลเข้าเพิ่มขึ้นและปี 2568 จะรับรู้รายได้จากการขยายกำลังการผลิตเต็มปี  ปัจจุบันอุปทานการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับการลงทุนเพิ่มในสถานพยาบาลอยู่ในช่วงขยายตัวทั้งภาครัฐและเอกชน จากการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ของรัฐบาล มองว่าอุปสงค์จะยังคงเพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง

การเข้าระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตที่สอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นในครั้งนี้มีความเหมาะสม และมีปัจจัยที่น่าสนใจสำหรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต ได้แก่ 1) การขยายฐานลูกค้าไปยังโรงพยาบาลต่างจังหวัดร่วมกับพาร์ทเนอร์ผ่านการทำ Package ในราคาที่เข้าถึงได้ 2)การขยายตลาดไปยังต่างประเทศร่วมกับพาร์ทเนอร์

อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่สำคัญ คือ 1) การพึ่งพิง Supplier รายใหญ่ 2) การล่าช้าของโครงการ จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้น ด้วยวิธี PER เฉลี่ยของดัชนีอุตสาหกรรม PROPCON ใน mai ที่ 22.60 เท่า พบว่า มูลค่า ณ ราคา IPO มีพรีเมี่ยมแล้ว