HoonSmart.com>>ธุรกิจครอบครัวไทย เดินทางมาถึงยุคที่ต้องส่งต่อ แต่การส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นมักเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน บริษัทกรุงเทพประกันภัย (BKI) เป็นกรณีที่น่าศึกษา จากความโดดเด่นขององค์กรที่เติบโตและปรับตัวมานานกว่า 70 ปี ภายใต้การนำของ นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการบริษัท ที่วางแผนกลยุทธ์ส่งต่อธุรกิจให้แก่ทายาทรุ่นใหม่ นายชวาล โสภณพนิช และ น.ส.ลสา โสภณพนิช อย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างเป็นระบบ เพื่อนำองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล
ส่งต่อแบบค่อยเป็นค่อยไป
นายชัย เลือกใช้กลยุทธ์ “การส่งต่อธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป” ไม่ใช่การเปลี่ยนผู้นำอย่างฉับพลัน
เห็นได้จากการนำทายาททั้งสองเข้ามาเรียนรู้การทำงาน และเรียนรู้บทบาทในองค์กรมาเป็นเวลานานก่อนรับตำแหน่งบริหารระดับสูง
นายชวาล เข้ามาทำงานที่บริษัทกรุงเทพประกันภัย ตั้งแต่ปี 2547 ผ่านงานมาในหลายส่วน เช่น การบริหารงานลูกค้ารายย่อย การพัฒนาองค์กร และการบริหารทรัพยากรบุคคล ก่อนจะก้าวขึ้นเป็น ประธานคณะผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ หรือ Chief Operating Officer (COO) เมื่อต้นปี 2568
ขณะที่ น.ส.ลสา เข้ามาร่วมงานกับบริษัทตั้งแต่ปี 2554 มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจนายหน้าและการบริหารสัญญาประกันภัยต่อ ก่อนจะได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ( President)
การให้ทายาทเข้ามาเรียนรู้การทำงานจากระดับปฏิบัติการก่อนขึ้นสู่ระดับบริหาร เป็นแนวทางที่ช่วยให้ทั้ง 2 ผู้บริหารได้สั่งสมความรู้และความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับองค์กร ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อรับช่วงต่อ
เตรียมการศึกษา+บ่มประสบการณ์
การส่งต่อธุรกิจ ไม่ใช่เพียงการมอบอำนาจบริหาร แต่ต้องมาพร้อมกับความรู้ และประสบการณ์จริงที่สั่งสมบ่มเพาะมาอย่างเชี่ยวกรำ
นายชวาล สำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Rochester และได้รับประกาศนียบัตรด้านบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยจาก St. John’s University สหรัฐอเมริกา
น.ส.ลสา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก Columbia University และปริญญาตรีด้าน International Relations & Chinese จาก Wellesley College รวมถึงประกาศนียบัตรจาก The Chartered Insurance Institute (CII)
การให้ทายาทมีพื้นฐานการศึกษาระดับสากล ช่วยให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น เข้าใจแนวโน้มการเชื่อมต่อของตลาดประกันภัยโลก และสามารถนำองค์ความรู้ใหม่ๆ มาปรับใช้กับธุรกิจ
โครงสร้างองค์กรลงตัว
ต้นปี 2568 บริษัทกรุงเทพประกันภัย ได้ดำเนินการ ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่
นายชวาล ได้รับการแต่งตั้งเป็น COO ดูแลและพัฒนากลยุทธ์การดำเนินงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การบริหารแบรนด์องค์กร งานบริการลูกค้า การบริหารสินไหมทดแทนยานยนต์ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ
ตลอดจนได้รับความไว้วางใจกับอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญคือการดูแลมูลนิธิกรุงเทพประกันภัยที่ นายชัยโสภณพนิช ให้ความใส่ใจอย่างยิ่งในการให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นมาอย่างยาวนาน
บทบาทใหม่นี้ ยังต้องสานต่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้องค์กร วางระบบการบริหารจัดการภายในบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความก้าวหน้า
ควบคู่ไปกับการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์กรุงเทพประกันภัยให้ครองใจผู้บริโภคและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการบริหารองค์กรและการให้บริการลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
น.ส.ลสา ได้รับการแต่งตั้งเป็น President ดูแลภาพรวมธุรกิจ นายหน้า ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจลูกค้ารายย่อย และการลงทุน และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งขยายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งจะมุ่งเน้นดูแลในส่วนธุรกิจนายหน้า ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจลูกค้ารายย่อย ฝ่ายบริหารสัญญาประกันภัยต่อ รวมถึงสำนักการลงทุน
ด้วยความเข้าใจในโครงสร้างธุรกิจและแนวโน้มตลาดประกันภัย ของ น.ส.ลสา จะช่วยให้หน่วยงานธุรกิจต่างๆ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด แต่โอกาสขยายตัวของธุรกิจประกันภัยยังมีอีกมาก
รับยุคเทคโนโลยีและนวัตกรรม
หนึ่งในเป้าหมายหลักของทายาทรุ่นใหม่คือ การปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่เน้นการนำ InsurTech (Insurance Technology) มาใช้ เช่น การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างสะดวกสบาย
การใช้ AI และ Big Data ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและบริหารความเสี่ยง
การสร้างระบบบริการออนไลน์ เพื่อให้สามารถเคลมประกันได้ง่ายและรวดเร็ว
แนวทางนี้ช่วยให้สามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล และตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
เดินหน้าความยั่งยืน
ทายาทรุ่นใหม่ จะยังคงยึดมั่นในหลัก ธรรมาภิบาล และการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม การบริหารที่โปร่งใสและยั่งยืน ดูแลสวัสดิการพนักงาน และการสร้างคุณค่าให้แก่สังคม ผ่านโครงการ CSR และการบริหารมูลนิธิกรุงเทพประกันภัย การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล
จากโครงสร้างใหม่ ที่มีการแบ่งความรับผิดชอบอย่างชัดเจน จะช่วยให้ทั้งสองสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ พาองค์กรก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง
การส่งต่อธุรกิจของ นายชัย โสภณพนิช เป็นกรณีที่น่าศึกษา สำหรับธุรกิจครอบครัวไทย ที่กำลังถึงยุคผลัดใบ
////รายงานโดย วารุณี อินวันนา////