ตลท.เข้มชอร์ตเซลเพิ่มหุ้นใหญ่ขึ้น-ผิดเจอปรับ 3 เท่า ส่วนโปรแกรมเทรดสั่งหยุดทันที

HoonSmart.com>>บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นเรื่อง short selling เจอโบรกเกอร์ทำผิดเพิ่มค่าปรับ  3 เท่า ส่งลงโทษต่อ เพิ่มขนาดหุ้นมาร์เก็ตแคปขั้นต่ำ 5,000 ล้านบาทเป็น 7,500 ล้านบาท ส่วน program trading  สั่งหยุดพักอัตโนมัติ (H)ได้ จับนักลงทุน HFT ขึ้นทะเบียน และเพิ่มมาตรการเปิดเผยข้อมูล บล.ทิสโก้คาดจะมีแรงซื้อกลับหุ้นที่ถูกช็อต BTS, SCC, BANPU, SCGP, KBANK   

คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ (บอร์ดตลาด) มีการประชุมเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567 ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้นำผลการศึกษากฎหมาย กฎเกณฑ์ และแนวทางการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในต่างประเทศมาใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนทุกประเภทนั้น  การประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2567 ได้ให้ความเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อที่จะยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขายหรือโปรแกรมเทรดดิ้ง พร้อมทั้งการปรับเพิ่มมาตรการการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน ดังนี้

1) มาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต การทบทวนคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้(eligible securities)
– เพิ่มขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขั้นต่ำ (market capitalization) จากเดิม 5,000 ล้านบาทเป็น 7,500 ล้านบาท
– เพิ่มข้อกำหนดเกี่ยวกับการพิจารณาสภาพคล่องของหุ้น โดยกำหนดให้หุ้นนั้นจะต้องมีสัดส่วนปริมาณการซื้อขายต่อเดือนเมื่อเทียบกับปริมาณหุ้นจดทะเบียน (monthly turnover) แล้วมากกว่า 2%

• การควบคุมผลกระทบอันอาจเกิดการขายชอร์ต
– ผลกระทบด้านราคา: กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขายชอร์ตเพิ่มเติม สำหรับการขายชอร์ตเฉพาะกรณีที่ราคาหุ้นรายหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมากกว่า 10% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า โดยกำหนดให้ราคาขายชอร์ตต้องเป็นราคาที่สูงกว่าราคาล่าสุด (uptick rule)

– ผลกระทบด้านปริมาณการขายชอร์ต: เพิ่มการกำหนดเพดานสูงสุดในการขายชอร์ตรายหลักทรัพย์ในแต่ละวัน (daily limit) เพื่อที่จะควบคุมความเสี่ยงไม่ให้เพิ่มมากเกินไป รวมทั้งเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลรายวันของยอดสะสมปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน (outstanding) สำ หรับแต่ละหลักทรัพย์ เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป

• การเพิ่มการกำกับดูแลสมาชิกโดยเพิ่มบทระวางโทษปรับ กรณีพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการขายชอร์ต จะกำหนดระวางโทษปรับที่จะลงต่อสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 3 เท่า ซึ่งเทียบเคียงได้กับแนวทางการลงโทษของตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในต่างประเทศ นอกจากนี้จะนำเสนอหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลในการพิจารณาแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถลงโทษผู้ลงทุนที่เป็นผู้กระทำผิดได้โดยตรงด้วย

• การพัฒนาระบบกลางเพื่อตรวจสอบหลักทรัพย์จะจัดให้มีเป็นแหล่งข้อมูลกลางสำหรับสมาชิกและตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะใช้ในการตรวจสอบการมีอยู่ของหลักทรัพย์ของผู้ลงทุน เพื่อที่จะทำให้การกำกับดูแลการขายชอร์ตสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2) มาตรการการกำกับดูแล program trading เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นไปอย่างเป็นระเบียบ (orderly) และป้องกันความผันผวนผิดปกติของราคา รวมถึงป้องปรามพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงสร้างความสมดุลระหว่างกลุ่มผู้ลงทุน จะยกระดับมาตรการกำกับดูแล program trading ดังนี้

• การป้องกันราคาผันผวนผิดปกติ
– เพิ่มมาตรการควบคุมความผันผวนของราคารายหุ้นระหว่างวัน (นอกเหนือจากการก าหนด ceiling & floor ที่ใช้บังคับอยู่แล้วในปัจจุบัน) ด้วยการเพิ่มเพดานการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างวัน (dynamic price band)ซึ่งจะเป็นกรอบของการเคลื่อนไหวของราคาที่แคบลงมาจาก ceiling & floor โดยกำหนดกรอบไว้เป็นเปอร์เซ็นต์ (เช่น +/- 10%) จากราคาซื้อขายล่าสุด ซึ่งหากถึงระดับราคาดังกล่าวก็จะหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวก่อนเปิดซื้อขายใหม่

– กรณีที่ราคาหุ้นมีความผันผวนมาก อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการซื้อขายของหุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นแบบ call auctionแทน

• การกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม
– ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับคำสั่งไม่เหมาะสม โดยจะเพิ่มลักษณะของคำสั่งซื้อขายที่มีผลกระทบต่อตลาดทั้งในเชิงปริมาณและราคา รวมทั้งจัดทำระบบกลางในการคัดกรองคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม (order screening) ซึ่งจะรวมถึงการป้องกันไม่ให้มีการใส่ถอนคำสั่งซื้อขายที่ถี่จนเกินไป ด้วยการกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำของคำสั่งที่ส่งเข้ามาก่อนที่จะสามารถยกเลิกคำสั่งนั้นได้ (minimum resting time) เช่น อาจจะต้องคงไว้อย่างน้อย0.6 วินาที เป็นต้น

– ใช้มาตรการหยุดการซื้อขายโดยอัตโนมัติ (auto halt) เป็นรายหุ้น หากพบว่า มีการซื้อหรือขายหุ้นนั้นรวมกันในปริมาณที่มากเกินกว่าระดับที่กำหนด เพื่อป้องกันการจับคู่ของคำสั่งซื้อขายที่อาจผิดปกติ

• การยกระดับการกำกับดูแลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งด้วยความเร็วสูง (HFT)

– จะเพิ่มความเข้มงวดของการกำกับดูแลกลุ่มผู้ลงทุนประเภทนี้ เช่น ต้องมีการแจ้งหรือขึ้นทะเบียน (register)พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการซื้อขายของผู้ลงทุนกลุ่มนี้

3) การปรับปรุงเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล:
• การเปิดเผยข้อมูลรายชื่อผ้ลูงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมให้แก่บริษัทสมาชิกทุกรายเพื่อให้บริษัทสมาชิกใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการกับผู้ลงทุนรายนั้น เช่น ปรับลดวงเงินกำหนดให้ต้องซื้อขายผ่านผู้แนะนำการลงทุน (trader) เป็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม

• การปรับปรุงเกณฑ์การเปิดเผยรายชื่อผ้ถูือหุ้นให้ครอบคลุมถึงกรณีการถือในรูปแบบ NVDR ด้วย โดยกำหนดให้บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์  (ในฐานะผู้ออก NVDR) จะต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ถือ NVDR ตั้งแต่ 0.5% แต่ไม่น้อยกว่า10 ราย เช่นเดียวกับการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลผู้ที่มีการถือครอง NVDR และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เห็นชอบให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นโดยเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถดำเนินการได้เอง แต่สำหรับในส่วนที่จำเป็นจะต้องมีการปรึกษาหารือในรายละเอียดร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง (เช่น บริษัทสมาชิก, Market Makers) รวมถึงอาจจะต้องมีการเตรียมความพร้อมและการปรับระบบปฏิบัติการของบริษัทสมาชิกเพื่อให้รองรับการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้เร่งประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในขั้นตอนต่อไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น (hearing) จากผู้เกี่ยวข้องพร้อมทั้งจะนำไปปรึกษาหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.)อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะนำเสนอต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายที่กำหนดไว้

ด้านบล.ทิสโก้มองมาตรการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพตลาดในระยะยาว แม้อาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายในระยะสั้นลดลงก็ตาม ส่วนหุ้นที่อาจถูกเป็นเป้าหมายของ Short Covering หรือซื้อหุ้นกลับคืน ได้แก่ BTS, SCC, BANPU, SCGP, KBANK

นอกจากนี้จากการตรวจสอบเกณฑ์ Short Selling ใหม่ อาจส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนหุ้นที่เคยถูกขายชอร์ตตั้งแต่ต้นปีนี้ไม่สามารถทำได้ อาทิ LPN, WORK, DUSIT, HTC, S, HENG และ NOBLE เป็นต้น (คัดเลือกเฉพาะหุ้นที่มี Short Sale Value > 3% ขึ้นไป)